เอเจนซี - ผู้สนับสนุนนายมีร์ ฮอสเซน มูซาวีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอิหร่าน เกือบ 2 แสนคน ขัดขืนต่อคำสั่งห้ามของรัฐบาล ออกมาชุมนุมบริเวณในกลางกรุงเตหะรานเมื่อวันจันทร์ (15) เพื่อประท้วงสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าการเลือกตั้งขี้โกง
“ประชาชนราว 1.5 ถึง 2 แสนคนเข้าร่วมการประท้วงนี้” ตำรวจนายหนึ่งที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาการปลอดภัยการชุมนุมบอกกับเอเอฟพี
ถนนในกลางกรุงความยาวหลายกิโลเมตรอัดแน่นไปด้วยฝูงชนที่ต้องการมาฟังคำปราศรัยของมูซาวีและผู้นำหัวปฏิรูปอื่นๆที่สนับสนันคำเรียกร้องของมูซาวีที่อยากให้ยกเลิกผลการเลือกตั้งที่จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ (12) ซึ่งประธานาธิบดีมะห์มูด อะห์มาดิเนจัด ได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลาย
“ฉันแค่ต้องการออกมาแสดงให้ประธานาธิบดีเห็นว่าเราไม่ใช่ผู้ร้าย ฉันแค่ต้องการคะแนนเสียงฉันคืน” มาร์มัม เซดากาตี วัยรุ่นหญิงรายหนึ่งกล่าว
ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการระบุว่า ประธานาธิบดีมะห์มุด อะห์มาดิเนจัด วัย 52 ปี สามารถคว้าชัยชนะเหนืออดีตนายกรัฐมนตรี มีร์ ฮอสเซน มูซาวี วัย 62 ปี ด้วยคะแนนทิ้งห่างร้อยละ 63 ต่อ 34 มูซาวี ไม่ยอมรับผลดังกล่าวและเรียกร้องขอให้องค์กรทางกฎหมายระดับสูงของอิหร่านสำหรับการเลือกตั้งยกเลิกผลครั้งนี้
“ถ้าอะห์มาดิเนจัดยังคงเป็นประธานาธิบดีเราจะประท้วงทุกวัน” ผู้ชุมนุมตะโกน “เราจะสู้ เรายอมตาย เราไม่ขอยอมรับการเลือกตั้งขี้โกงนี้”
อับบาซาลี คัดโคได โฆษกสภาป้องกันสาธารณรัฐซึ่งเป็นองค์กรนิติบัญญัติสูงสุดของอิหร่านแถลงว่าได้รับหนังสือร้องเรียนจากอดีตนายกรัฐมนตรีมูซาวีและผู้สมัครอีกรายแล้ว โดยสภาฯ จะหาข้อสรุปภายใน10วันโดยจะมีคำตอบว่าชัยชนะของอะห์มาดิเนจัดเป็นโมฆะหรือไม่
ด้าน มูซาวี กล่าวปราศรัยต่อผู้ชุมนุมว่าเขาพร้อมหากมีการจัดเลือกตั้งใหม่ “คะแนนเสียงของประชาชนคือความสำคัญมากกว่ามูซาวีหรือใครก็ตาม” ขณะที่ภรรยาของเขา ซาห์รา ราห์นาวาร์ด บอกกับเอเอฟพีว่าเธอและสามีจะเดินหน้าประท้วงต่อไป จนกว่าเรื่องนี้จะสิ้นสุด
เหตุประท้วงและปะทะที่ต่อเนื่องมา 3 วันนับตั้งแต่ที่มีการประกาศผลการเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์(13) นับเป็นเหตุจลาจลครั้งร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่กรณีปฏิวัติอิหร่านเมื่อ 3 ทศวรรษก่อน
เมื่อวันอาทิตย์(14) อะห์มาดิเนจัด กล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนันหลายแสนคน ปฏิเสธข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความโปร่งใสในการเลือกตั้ง
ในวันจันทร์(15) ซาเดก มะห์ซูลี รัฐมนตรีมหาดไทยอิหร่านระบุว่าจะไม่อนุญาตให้กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีมูซาวีจัดการชุมนุมทั่วประเทศ และบอกว่า มูซาวี ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อสิ่งที่จะตามมา
อย่างไรก็ตาม คำขู่ดังกล่าวไม่เป็นผลและผู้ประท้วงบางส่วนยังตะโกนว่า “พรุ่งนี้ 5 โมงเย็นเจอกันที่จัตุรัส Veli-ye Asr” ชวนให้คิดว่าพวกเขามีแผนเดินหน้าชุมนุมและยังคงกดดันทางการต่อไป
ด้าน บัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเมื่อวันจันทร์(15) ว่าเจตจำนงของประชาชาชาวอิหร่านควรได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่และเขากำลังจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อเหตุวุ่นวายหลังการเลือกตั้งในอิหร่าน
โจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่ามีคำถามมากมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งเรื่องความโปร่งใสในการจัดการเลือกตั้งและการนับคะแนนซึ่งอะห์มาดิเนจัดคว้าชัยชนะขาดลอย
ขณะที่ ฟรังค์ วอลเตอร์ สไตน์ไมเยอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมันได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตของอิหร่านประจำเบอร์ลินเข้าพบเพื่อชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่ารัฐบาลเยอรมันรู้สึกกังวลกับความฉ้อฉลในการเลือกตั้ง
โธมัส สเตก โฆษกรัฐบาลเยอรมัน ระบุว่าเยอรมันเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขจัดข้อสงสัยเกี่ยวกับความผิดปกติของการเลือกตั้งโดยเร็ว และขอประณามการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ประท้วงซึ่งมีสิทธิ์แสดงความเห็นทางการเมือง
ทางด้าน เบนิตา เฟร์เรโร วัลด์เนอร์ กรรมาธิการฝ่ายกิจการภายนอกของสหภาพยุโรปให้สัมภาษณ์ที่ลักเซมเบิร์กว่า สหภาพยุโรปขอคัดค้านการกระทำของอิหร่าน ที่ใช้ความรุนแรงต่อประชาชนที่ทำการประท้วงอย่างสันติ
