xs
xsm
sm
md
lg

ว่าที่ผู้ช่วยรมต.ดูแลเอเชียของUS ย้ำหวนสานสัมพันธ์เข้มภูมิภาคนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เคิร์ต แคมป์เบลล์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฝ่ายกิจการเอเชียและแปซิฟิก
เอเอฟพี - ว่าที่นักการทูตระดับสูงสุดของสหรัฐฯประจำเอเชียตะวันออก ประกาศจะหวนกลับมาติดต่อสมาคมอย่างเข้มแข็งอีกครั้งกับภูมิภาคแถบนี้ พร้อมยอมรับว่า สหรัฐฯ สูญเสียสถานะความเป็นผู้นำอย่างน่าใจหาย ในเวลาที่อิทธิพลบารมีของเอเชีย - แปซิฟิกกำลังแผ่ขยาย

เคิร์ต แคมป์เบลล์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฝ่ายกิจการเอเชียและแปซิฟิก รับปากว่า จะพยายามอย่างยิ่งเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับเหล่าประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯในแถบเอเชีย โดยที่เขาเอ่ยชื่อ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย, ฟิลิปปินส์และไทย

"สหรัฐฯ ต้องรุกคืบยกระดับเกมของตนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก" แคมป์เบลล์กล่าวเมื่อวันพุธ(10) ระหว่างไปปรากฏตัวให้ปากคำกับคณะกรรมธิการของวุฒิสภา ซึ่งกำลังดำเนินกระบวนการพิจารณาอนุมัติการแต่งตั้งเขา

"ผมคิดว่ามีความรับรู้ความเข้าใจอย่างหนึ่ง ในหมู่เพื่อนมิตรจำนวนมากของเราในภูมิภาคนี้ ว่าเรากำลังมัวแต่พะวงอยู่กับเรื่องอื่น ๆ แล้วละเลยภูมิภาคแห่งนี้ในเวลาอันสำคัญอย่างยิ่งยวด" ผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯบอก

แคมป์เบลล์ ซึ่งมีภูมิหลังเป็นนักวิชาการและอดีตนายทหารเรือ กล่าวต่อไปว่า ก่อนอื่นเลย สหรัฐฯ ต้องออกมาแสดงตัว คำพูดเช่นนี้ดูจะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ทางอ้อมต่อทีมงานของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งบางครั้งก็ไม่มาเข้าร่วมการประชุมระดับภูมิภาค ที่จัดโดยบรรดาผู้วางนโยบายของเอเชีย

"เป็นที่ชัดเจนว่า มีสิ่งสำคัญอื่นๆ ที่สหรัฐฯจะต้องทำในตะวันออกกลางและที่อื่น ๆ" แคมป์เบลล์กล่าว "อย่างไรก็ตาม ตลอด 7 ปีข้างหน้า เราต้องรุกคืบมากขึ้นในภูมิภาคเอเชีย-แฟซิฟิก นี่เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งต่อจุดยืนของเรา"

ขณะที่วิกฤตเกาหลีเหนือกำลังทำท่าลุกลามรุนแรง แคมป์เบลล์ประกาศว่าจะไม่ยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องของโสมแดง ที่ต้องการการยอมรับในฐานะประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

อย่างไรก็ตาม แคมป์เบลล์ชี้แจงชัดเจนว่า หน้าที่การงานของเขานั้นมีอะไรต้องทำมากกว่าเพียงเรื่องเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ที่ผ่านมาคริสโตเฟอร์ ฮิลล์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายกิจการเอเชียและแปซิฟิกคนก่อน ที่ปัจจุบันทำหน้าที่เอกอัครทูตสหรัฐฯ ประจำอิรัก คือผู้วางรากฐานการเจรจา 6 ฝ่ายเพื่อปลดอาวุธโสมแดง ซึ่งรัฐบาลเปียงยางประกาศไม่ร่วมมือด้วยแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

โอบามานั้นได้แต่งตั้งให้สตีเฟน บอสเวิร์ธ เป็นนักการทูตคนใหม่ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องเกาหลีเหนือ

แคมเบลล์ยังแสดงความคาดหวังว่า จะพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนให้กว้างขวางมากขึ้น อาทิความร่วมมือเรื่องปัญหาโลกร้อน, เกาหลีเหนือ และการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายในปากีสถาน

อย่างไรก็ตาม เขาก็จะไม่หลบเลี่ยงที่จะหยิกยกเรื่องการปฏิบัติต่อพลเมืองของรัฐบาลจีน เช่น ชาวทิเบต ขึ้นมาพูดคุย

"หากได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ผมมั่นใจว่า เรื่องสิทธิมนุษยชน, เสรีภาพทางศาสนาของชาวจีนทุกคน ตลอดจนการพัฒนาหลักนิติธรรมและภาคประชาสังคม จะคงเป็นเสาหลักสำคัญในพันธกิจของเรา"

ว่าที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศรายนี้ เน้นย้ำถึงความจำเป็นของสหรัฐฯ ในการทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับชาติพันธมิตรในเอเชียตะวันออก เฉพาะอย่างยิ่งญี่ปุ่น ขณะที่บทบาทของจีนกำลังเติบโตขึ้นบนเวทีโลก

"การผงาดขึ้นของจีนมีความเกี่ยวข้องอย่างมหาศาลกับสหรัฐฯ แต่ที่เป็นเรื่องโดยตรงและเร่งด่วนกว่าในระยะสั้นคือญี่ปุ่น" แคมป์เบลล์กล่าว

"แนวทางของผมในเรื่องนี้คือ วิธีที่ดีที่สุดที่จะสานสัมพันธ์กับจีน คือ การเป็นพันธมิตรที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้กับญี่ปุ่น

แคมเบลล์ ซึ่งเคยรับตำแหน่งในกระทรวงกลาโหมสมัยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตันกล่าวว่า การคงทหารสหรัฐฯในเอเชีย เป็นเสมือน "ตั๋วของเราที่จะได้เข้าไปเล่นในเกมใหญ่" โดยตอนนี้มีทหารอเมริกันประจำการอยู่ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ราว 70,000 คน

"เราเป็นผู้รับประกันสันติภาพและความมั่นคง เราเป็นชาติเดียวในภูมิภาคที่คนส่วนมากอยากเข้ามาแวดล้อม" เขากล่าว และย้ำว่ายังจะต้องเอาใจใส่และทำให้การคงทหารเอาไว้เป็นไปอย่างยั่งยืน

แคมเบลล์ยังมองว่า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่เพียงพอ เขาหวังจะขยับขยายความสัมพันธ์สหรัฐฯกับอินโดนีเซียให้เกิด "ความร่วมมืออันดีระหว่าง 2 ชาติประชาธิปไตยที่สำคัญที่สุดในโลก"

พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้หันมาให้ความสำคัญอีกครั้งกับฟิลิปปินส์และไทย 2 ชาติพันธมิตรอันยาวนานของสหรัฐฯ ตลอดจนความร่วมมือกับออสเตรเลีย

ทั้งนี้ ฮิลลารี คลินตัน เลือกทวีปเอเชียเป็นภารกิจการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยเดินทางเยือนญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้และจีน

อย่างไรก็ตาม การเดินนโยบายด้านเอเชียของรัฐบาลโอบามา มิวายถูกวิจารณ์จากนักสังเกตที่มองว่า ตำแหน่งสำคัญ ๆ กระทั่งตำแหน่งของแคมป์เบลล์เอง ยังถูกว่างเว้นอยู่นานหลายเดือน หลังจากโอบามาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
กำลังโหลดความคิดเห็น