เอเจนซี - ราคาน้ำมันพุ่งเกือบ 3 เปอร์เซ็นต์ ปิดเหนือ 70 ดอลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อวันอังคาร(9) ตามหลังรัฐบาลสหรัฐฯปรับเพิ่มประมาณการอุปสงค์โลกปีนี้ ขณะที่วอลล์สตรีท ปรับลดเล็กน้อยเหตุนักลงทุนหวั่นการคืนเงินกู้ของธนาคารต่างๆอาจไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.92 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายนปีก่อน ขณะที่เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 1.74 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การปรับขึ้นของตลาดพลังงานมีขึ้นตามหลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของ สหรัฐฯ (อีไอเอ) ปรับเพิ่มประมาณการอุปสงค์น้ำมันของโลกขึ้นอีก 10,000 บาร์เรลต่อวัน จากรายงานเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2008 ท่ามกลางสัญญาณหลายอย่างของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน เชื่อกันว่าราคาน้ำมันอาจขยับขึ้นไปอีก หลังนักลงทุนยังคงเฝ้ารอข้อมูลคลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ ที่มีกำหนดเปิดเผยหลังตลาดปิดในวันอังคาร(9) ซึ่งคาดหมายกันว่าสต๊อกน้ำมับดิบจะลดลง 400,000 บาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร(9) แนสแดค และแอสแอนด์พี ขยับขึ้นตามข้อมูลของบริษัทเท็กซัสอินสทรูเมนต์สที่เป็นแรงหนุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ทว่า ข่าวสถาบันการเงินรายใหญ่ 10 แห่งของสหรัฐฯ พร้อมคืนเงินกู้ฉุกเฉินที่ได้รับจากรัฐบาลได้รบกวนความกระตือรอร้นของนักลงทุน
ในช่วงต้นของการซื้อขายตลาดขยับขึ้นไปอยู่ในแดนบวก หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯเปิดเผยว่าสถาบันการเงินรายใหญ่ 10 แห่งพร้อมคืนเงินกู้ฉุกเฉิน 68,000 ล้านดอลลาร์ ที่ได้รับภายใต้โครงการฟื้นฟูสินทรัพย์ที่ประสบปัญหา (ทีเออาร์พี) แก่รัฐบาล แต่ตลาดดีดตัวกลับอย่างแรงบนความกังวลว่าเงินเหล่านี้ควรถูกนำไปใช้ประโยชน์ที่ดีกว่านี้ด้วยการปล่อยกู้แก่ธุรกิจและผู้บริโภคที่จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 1.43 จุด (0.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,763.06 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.29 จุด (0.35 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 942.43 จุด แนสแดก เพิ่มขึ้น 17.73 จุด (0.96 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,860.13 จุด