คาดส่งศพเหยื่อแอร์ฟรานซ์มรณะถึงผืนแผ่นดินในเช้าวันนี้

เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่บราซิลเมื่อวันจันทร์(8) เตรียมตัวรับศพเหยื่อ 16 รายแรกของเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ที่ดิ่งสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อสัปดาห์ก่อนพร้อมผู้โดยสาร 228 คน ขณะที่สหรัฐฯ จะส่งเรือติดตั้งระบบแจ้งตำแหน่งใต้น้ำ 2 เครื่องและลูกเรือราว 20 คนเข้าค้นหากล่องดำ

โฆษกกองทัพราซิลได้แก้ไขตัวเลจศพที่ได้รับจากเหลือของฝรั่งเศส และบราซิล จาก 17 เหลือ 16 คน โดยบอกว่าศพที่ได้รับจากเรือลำหนึ่งของฝรั่งเศสน้อยกว่าที่แจ้งมาในทีแรก อย่างไรก็ตามยังไม่มีคำชี้แจ้งว่าทำไมตัวเลขจึงไม่ตรงกัน

ทั้งนี้ คาดหมายว่าศพผู้เสียชีวิตและชิ้นส่วนหลายสิบชื้นของเครื่องบินมรณะที่เจ้าหน้าที่กู้ขึ้นมาได้ จะถูกส่งถึงเกาะเฟอร์นันโด เดอ นอรอนญา ในตอนเช้าวันอังคาร(9) จากนั้นศพจะถูกนำขึ้นเครื่องส่งต่อไปยังเมืองเรซิเฟ โฆษกองทัพบราซิลบอกกับผู้สื่อข่าว

ขณะเดียวกัน ทางบราซิลได้จัดตั้งทีมนิติเวชศาสตร์ตำรวจขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ศพโดยใช้บันทึกทางทันตกรรมและดีเอ็นเอจากญาติๆ เพื่อพิสูจน์ว่าศพที่พบเป็นใคร

ประธานาธิบดีบราซิล ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา กล่าวผ่านรายการวิทยุประจำสัปดาห์เมื่อวันจันทร์(8) ว่า “ถ้าเป็นไปได้ เราหวังว่าจะหาพบทุกศพ เพราะว่าเรารู้ดีว่ามันมีความหมายมากเพียงใดที่แต่ละครอบครัวจะได้รับศพคนที่พวกเขารักกลับคืน”

เครื่องบินทั้ง 12 ลำของบราซิล ซึ่งมีลำหนึ่งติดตั้งอุปกรณ์เรดาร์ที่ใช้สำหรับค้นหาวัตถุในน้ำ, เครื่องบินสัญชาติฝรั่งเศสอีก 2 ลำ, เรือของฝรั่งเศสอีกลำและกองเรือบราซิล ยังคงวนเวียนตรวจการณ์เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก ตรงจุดซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิลราว 1,100 กิโลเมตร เพื่อหาศพและซากชื้นส่วนของเครื่องบินเพิ่มเติม

คาดหมายว่าเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสจะเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุในวันพุธ(10) เพื่อค้นหากล่องดำที่บันทึกข้อมูลตลอดเส้นการบิน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยคลายเงื่อนงำปริศนาว่าทำไมเครื่องบินแอร์ฟรานซ์ลำดังกล่าวถึงร่วงลงมาจากท้องฟ้าขณะบินฝ่าพายุมรสุมเมื่อวันจันทร์(1)

ด้านกองทัพเรือเมื่อวันจันทร์(8) กล่าวว่าจะส่งเรือติดตั้งอุปกรณ์ไฮเทค 2 เครื่อง ที่มีขีดความสามารถในการตรวจจับสัญญาณฉุกเฉินจากกล่องบันทึกข้อมูลการบิน พร้อมกับลูกเรือ 20 คนไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อเพิ่มความหวังในการค้นหากล่องดำ

ก่อนหน้านี้ ทีมสอบสวนของฝรั่งเศสบอกว่าอุปกรณ์วัดระดับความเร็วของเที่ยวบินมรณะลำนี้ อาจถูกน้ำแข็งจับเคลือบส่งผลให้อ่านค่าผิดพลาด จนเป็นเหตุให้นักบินใช้ความเร็วในการบินในระดับอันตรายขณะบินฝ่าสภาพอากาศแปรปรวนอย่างหนัก