เอเอฟพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันปิดผสมผสานในกรอบแคบๆเมื่อวันพฤหัสบดี(30) เหตุสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจถูกฉุดรั้งจากสต๊อกน้ำมันที่สูงขึ้น ด้านวอลล์สตรีทร่วงลงเล็กน้อย หลังจากไครส์เลอร์ต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 15 เซ็นต์ ปิดที่ 51.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่เบรนต์ทะเลเหนือของลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2 เซ็นต์ ปิดที่ 50.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อเร็วๆ นี้ การปรับตัวขึ้นลงของราคาน้ำมันได้รับผลกระทบจากตลาดหุ้นต่อแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ดังนั้นอุปสงค์ของพลังงานจึงมีความไม่แน่นอน ทำให้ราคาผันผวนตามไปด้วย
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดี (30) ดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ร่วงลงหลังการยื่นเข้าสู่ภาวะล้มละลายของไครส์เลอร์ ได้ตัดทอนปัจจัยบวกความจากความหวังผลกระกอบการของบริษัทต่างๆและข้อมูลตลาดแรงงานที่ใจชื้นขึ้น
ถึงกระนั้น เอสแอนด์พี 500 ยังสามารถปิดการซื้อขายเป็นเดือนที่ดีที่สุดในรอบ 9 ปี แม้ว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่แห่งนี้ต้องยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์ในฐานะล้มละลาย หลังการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ล้มเหลว
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 17.61 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,168.12 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 0.83 จุด (0.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 872.81 จุด ขณะที่ แนสแดค เพิ่มขึ้น 5.36 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,717.30 จุด
ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานว่า มีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าหนี้ของไครสเลอร์ ทั้ง 46 ราย จะไม่อนุมัติข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้ และ “ภาวะล้มละลาย” ดูเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุด ขณะที่หนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า มีการเตรียมรายละเอียดแผนล้มละลาย รวมถึง การเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของไครสเลอร์ โดยใช้ผู้บริหารจากเฟียต กรุ๊ป ค่ายรถยนต์ชื่อดังจากอิตาลี ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาซื้อหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์จากไครสเลอร์ เพื่อแลกกับการเข้าถึงเทคโนโลยีรถยนต์ขนาดเล็ก และเครือข่ายกระจายสินค้าทั่วโลก
อลล์สตรีทเจอร์นัลอ้างแหล่งข่าวเผยว่า การเจรจาครั้งนี้ต้องล่มไปทั้งที่กระทรวงคลังเสนอให้เจ้าหนี้ลดยอดหนี้ของไครส์เลอร์จาก 6,900 ล้านดอลลาร์ (ราว 241,500 ล้านบาท) เหลือ 2,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 78,750 ล้านบาท) ขยับขึ้นจากเดิมที่เสนอให้ลดเหลือ 2,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 70,000 ล้านบาท)