เอเอฟพี - ฟิเดล คาสโตร ผู้นำการปฏิวัติคิวบา กล่าวว่า คิวบาจะไม่หวั่นเกรงการเจรจากับสหรัฐฯ และไม่สนใจที่จะเผชิญหน้ากับประเทศมหาอำนาจนี้อีกต่อไป
คาสโตร วัย 82 ปี ระบุในเว็บไซต์ ว่า คิวบาจะไม่หวั่นเกรงที่จะหารือกับสหรัฐฯ และไม่จำเป็นที่จะปล่อยให้การเผชิญหน้ายังเกิดขึ้นต่อไปอย่างที่คนงี่เง่าบางคนคิด เขายังกล่าวด้วยว่า การคว่ำบาตรด้านเศรษฐกิจต่อคิวบาของสหรัฐฯที่ยาวนานมา 47 ปีแล้วเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม เขาเห็นด้วยกับข้อเสนอจาก ริชาร์ด ลูการ์ วุฒิสมาชิกจากมลรัฐอินดีแอนาให้มีการตั้งทูตพิเศษเพื่อทบทวนความสัมพันธ์กับคิวบา
“เรายังคงอยู่อย่างเที่ยงตรงเพราะเราเชื่อในความคิดของเรา และเราก็ไม่เคยเกรงกลัวที่จะคุยกับคู่ปรปักษ์ มันเป็นทางเดียวที่จะบรรลุถึงมิตรภาพและสันติภาพในหมู่ผู้คน” คาสโตร กล่าว
นอกจากนี้ คาสโตร ยังได้เรียกร้องให้ที่ประชุมชาติละตินอเมริกาสนับสนุนให้มีการยกเลิกการโดดเดี่ยวคิวบาในการประชุมสุดยอดชาวอเมริกันที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 17-19 เมษายนนี้ อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า ประเด็นการหารือในที่ประชุมซึ่งจะมีผู้นำจากละตินอเมริกา ประเทศแคริบเบียน รวมถึงสหรัฐฯจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และจะลงท้ายด้วยการโดดเดี่ยวคิวบาต่อไป ทั้งนี้ คิวบาจะถูกยับยั้งในการประชุมครั้งนี้ เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการกีดกันคิวบาจากการประชุมในภูมิภาค
คาสโตร เข้าผ่าตัดกระเพาะในเดือนกรกฎาคม 2006 และมอบอำนาจให้แก่ราอูล คาสโตร น้องชายของเขา ซึ่งขึ้นเป็นประธานาธิบดีของคิวบาอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ 2008
ความเห็นของคาสโตรเกิดขึ้น ขณะที่สมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐฯ เยือนคิวบาในสัปดาห์นี้ เพื่อพยายามหาทางยุติความไม่ไว้วางใจระหว่างคิวบาและสหรัฐฯมาเกือบครึ่งสตวรรษ และท่ามกลางรายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังวางแผนผ่นปรนการแซงค์ชั่นคิวบา รวมถึงการจำกัดการเดินทางของชาวอเมริกันไปยังคิวบาด้วย
บาร์บารา ลี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครต ผู้นำการเดินทางเยือนคิวบาครั้งนี้ กล่าวว่า เธอหวังว่าจะได้เข้าพบกับประธานาธิบดีราอูล และหวังว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและคิวบาจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นภายใต้รัฐบาลโอบามา