เอเอฟพี – ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีการคลังของสหรัฐฯ จะประกาศแผนงบประมาณใหม่ของรัฐมูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อโอนย้ายหนี้เสียในงบดุลของธนาคารต่างๆ ซึ่งเขาชี้ว่าเป็นตัวถ่วงระบบการเงินสหรัฐฯ
“ระบบการเงินทั้งหมดยังคงดำเนินไปอย่างสวนทางกับการฟื้นตัว หลายธนาคาร ซึ่งยังเป็นภาระด้วยการตัดสินใจให้กู้ยืมที่ไม่ดีพอ กำลังฉุดความน่าเชื่อถือที่เปิดช่องไว้ให้” ไกธ์เนอร์กล่าวในบทความหนึ่งของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล
เขาเผยว่า รัฐบาลของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้พัฒนาโครงการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนใหม่ ซึ่งจะตั้งกองทุนเพื่อหาตลาดสำหรับลูกหนี้เสีย และหลักทรัพย์ที่ออกโดยธนาคารตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ไกธ์เนอร์ ชี้ว่า โครงการการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนใหม่นี้จะเริ่มจัดหาเงินทุน 500,000 ล้านดอลลาร์ และจะต่อยอดให้เป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นหุ้นใหญ่ของทรัพย์สินที่เป็นสังหาริมทรัพย์ ที่มีก่อนที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งในขณะนี้กลายเป็นตัวถ่วงระบบการเงินของสหรัฐฯ
รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ มีกำหนดประกาศแผนการนี้อย่างเป็นทางการ และอธิบายรายละเอียดในการแถลงข่าววันจันทร์ (23) นี้
นอกจากนี้ เขายังระบุว่า โครงการดังกล่าวนี้จะแบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่หนึ่งจะใช้เงินทุนของกระทรวงการคลัง สถาบันประกันเงินฝาก และธนาคารกลาง เพื่อกระตุ้นเงินทุนจากนักลงทุนเอกชน
ส่วนที่สอง จะให้ความมั่นใจแก่ภาคเอกชนว่ารัฐบาลจะร่วมแชร์ความเสี่ยง รวมทั้งผลประโยชน์จากการลงทุนเหล่านั้นด้วย
ส่วนที่สาม มูลค่าของเงินกู้ยืม และหลักทรัพย์ ที่ซื้อภายใต้โครงการดังกล่าวนี้จะถูกตั้งขึ้นโดยภาคเอกชน เพื่อปกป้องไม่ให้รัฐบาลจ่ายเงินเป็นค่าทรัพย์สินมากเกินไป
เขาเผยว่า ความสามารถในการขายทรัพย์สินมาเป็นเงินทุนเหล่านี้จะง่ายกว่าสำหรับธนาคาร ที่จะเพิ่มเงินทุนภาคเอกชน ซึ่งจะเร่งขีดความสามารถในการหาเงินทุนมาทดแทนเงินจากกระทรวงการคลัง แม้ว่าระบบธนาคารจะเผชิญวิกฤตอยู่ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ไกธ์เนอร์ ย้ำเตือนว่า กระบวนการในการซ่อมแซมระบบธนาคารดังกล่าว อาจต้องใช้เวลา และอาจไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากช่วงเวลาที่ตึงเครียด และเปราะบาง แต่ก็ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า นโยบายทางเศรษฐกิจ ที่ปรับปรุงโดยรัฐบาลของโอบามานั้นต้องได้ผล