เอเอฟพี - “นช.แม้ว” ทำเป็นพูดตลก ระบุการถูกยึดทรัพย์ระหว่างรัฐประหาร ช่วยปกป้องความมั่งคั่งของตัวเองไว้ให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก วอนอยากเห็นคนไทยยุติความบาดหมาง ซึ่งทำให้ประเทศชาติแบ่งแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย พร้อมคุยโวผู้นำหลายชาติเสนอให้พาสปอร์ตเพื่อช่วยกันปกป้องเขา
“ผมไม่รู้ว่าจะประณาม หรือขอบคุณรัฐบาลทหารดีที่ยึดทรัพย์สินของผมในประเทศไทย ไม่เช่นนั้น ผมอาจจะเอาเงินจำนวนมากไปลงทุนในตลาดหุ้นและก็สูญเสียมันไป” อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร กล่าวกับสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในฮ่องกงผ่านวิดีโอลิงก์จากดูไบ
ทักษิณระบุด้วยว่า ขณะนี้ตัวเองกำลังขาดเงิน แต่ก็ “มีเพียงพอ” ที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และใช้ในการดำเนินชีวิต อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า กำลังพิจารณาการลงทุนในด้านโทรคมนาคม ธุรกิจแรกซึ่งสร้างความร่ำรวยให้แก่เขา
อดีตนายกรัฐมนตรีไทยเรียกร้องให้ยุติการต่อสู้ทางการเมืองที่แบ่งประเทศออกเป็นฝักฝ่าย นับตั้งแต่เขาถูกโค่นล้มลงจากอำนาจ หลังการรัฐประหารเมื่อปี 2006
ทักษิณ กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วสำหรับสองฝ่ายที่จะ “ฝังความบาดหมางและหันมารอมชอมกัน” แต่มันจะไม่เกิดขึ้นหากประเทศไทยไม่ได้นำ “ประชาธิปไตยที่แท้จริง” ออกมาใช้
“ผมปรารถนาที่จะเห็นประเทศของผมกลับคืนสู่ภาวะปกติและไม่แบ่งแยกเช่นนี้” “ทั้งสองฝ่ายต้องออกมาตกลงกัน”
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า เขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันจะช่วยยุติวงจรการประท้วง และต้านการประท้วงที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่สิ้นสุดนี้ “ถ้าคุณต้องการจะตบมือ คุณต้องใช้มือทั้งสองข้างตบ ไม่ใช่แค่ข้างเดียว” เขากล่าว
เขากล่าวว่า เขาเชื่อว่า กลุ่มคนที่เรียกว่า “พวกเสื้อแดง” ซึ่งเป็นกลุ่มสนับสนุนเขาออกมาประท้วง เพื่อทดสอบและบีบให้นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากอำนาจ จะหยุดการชุมนุม หากว่าพวกเขาได้ไปออกเสียงเลือกตั้งอย่างแท้จริง
“ผมคิดว่า กลุ่มคนเสื้อแดง...แนวคิดพวกเขาคือเพื่อประชาธิปไตยและเพื่อหลักเกณฑ์แห่งกฎหมาย”
นอกจากนี้ ทักษิณ ยังเผยด้วยว่า เขาได้รับข้อเสนอมอบหนังสือเดินทางจากบรรดาผู้นำในหลายชาติ หลังจากทางรัฐบาลไทยขู่ว่าจะยกเลิกสถานะพลเมืองของเขา
“(บรรดาผู้นำเหล่านั้น) ต่างกังวลเกี่ยวกับตัวผมและได้เสนอหนังสือเดินทางให้แก่ผม เพื่อปกป้องผม” “ผมขอบคุณพวกเขา แต่รับหนังสือเดินทางจากพวกเขาไม่ได้ เพราะผมยังเชื่อมั่นในสถานะพลเมืองไทยของผมอยู่”
การแสดงความเห็นดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากเดิมที อดีตนายกรัฐมนตรีไทย มีกำหนดไปปาฐกถาในหัวข้อ “วิกฤตเศรษฐกิจ ความแน่นอนทางการเมือง : บทเรียนจากประเทศไทย” ในฮ่องกง แต่กลับยกเลิกกะทันหัน หลังรัฐบาลไทยขู่จะขอการส่งตัวเขากลับมารับโทษในไทย ขณะที่เขาอ้างว่า กังวลว่า จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน