ชาวพุทธอินโดประท้วงเรียกร้องให้ปิด “บุดดาบาร์” ฐานหมิ่นศาสนา

เอเอฟพี - ชาวพุทธในอินโดนีเซียประท้วง และทำสัญลักษณ์ปิด “บุดดาบาร์” ในกรุงจาการ์ตา วันนี้ (5) พร้อมเรียกร้องให้ทางการปิดบาร์ซึ่งเป็นแฟรนไชส์จากกรุงปารีสดังกล่าวทันที โดยระบุว่าดูหมิ่นศาสนาพุทธ

ผู้ประท้วง 150 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาถือธูปและดอกไม้มาปิดล้อมบาร์ดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ในย่านของผู้มีอันจะกินในกรุงจาการ์ตา และประณามการใช้สัญลักษณ์และรูปปั้นทางศาสนาของชาวพุทธ

พวกเขาสวดมนต์และถือป้ายข้อความที่ระบุว่า "เอาสัญลักษณ์ทางศาสนาพุทธออกไป" และ "เปลี่ยนชื่อบาร์หรือไม่ก็ปิดไปเลย" ขณะที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งเฝ้าดูอย่างสงบ เมื่อกลุ่มผู้ประท้วงปิดทางเข้าบาร์ด้วยแผ่นผ้าสีเหลืองที่ทำขึ้นเลียนแบบเทปที่ใช้ปิดกั้นบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ในขณะนั้นบาร์แห่งนี้ยังไม่ได้เปิดทำการ

"สำหรับเรา พระพุทธเจ้าเป็นครูบาอาจารย์ที่น่าเคารพบูชา แต่สำหรับพวกเขา พระพุทธเจ้าเป็นเครื่องประดับตกแต่ง และมันเลวร้ายที่สุดเมื่อรูปปั้นของพระพุทธเจ้าอยู่ในสถานที่ซึ่งไม่เหมาะสมอย่างนั้น" เอโก นักโรโฮ ผู้ประสานงานการประท้วงกล่าว

บาร์ที่ได้รับความนิยมนี้เปิดบริการในเอเชียเป็นแห่งแรกที่กรุงจาการ์ตา เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยได้บูรณะตึกเก่าที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในย่านเมนเต็ง และประดับประดาด้วยภาพและพระพุทธรูปขนาดใหญ่

ทั้งนี้ เชื่อว่าผู้ที่ร่วมหุ้นอยู่ในบาร์แห่งนี้ด้วยคือปวน มหาราณี ลูกสาวอดีตประธานาธิบดีเมกาวาตี ซูการ์โนบุตรี และเรนนี ซูติโยโซ ลูกสาวของอดีตผู้ว่าการจังหวัดจาการ์ตา

"แฟรนไชส์นี้ไม่มีทางจะเปิดได้ในมาเลเซีย สิงคโปร์ หรือไทย การเปิดในจาการ์ตาเป็นการตัดสินใจอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวของรัฐบาล" นักโรโฮกล่าว และเสริมว่า "ลองนึกภาพดูสิว่าถ้าพวกเขาทำอย่างนั้นกับศาสนาอื่น มันต้องมีการประท้วงครั้งใหญ่แน่"

ทั้งนี้ มีผู้ประท้วง 7 คน ได้รับเชิญให้ไปพูดอธิบายเหตุผลการคัดค้านต่อผู้บริหารบุดดาบาร์ ซึ่งไม่ยอมให้ความเห็นแก่สื่อ

ผู้ประท้วงคนหนึ่งที่ชื่อเมตา บอกกับเอเอฟพีว่า เธอจะต่อสู้จนกว่าทางการจาการ์ตาจะปิดบาร์แห่งนี้หรือเอาสัญลักษณ์ทางศาสนาออกไป

"ศาสนาพุทธเป็นศาสนา และฉันก็ยอมไม่ได้กับการปฏิบัติต่อศาสนาของเราแบบนั้น" เธอกล่าว

ด้านผู้ประท้วงอีกกลุ่มกำลังวางแผนจะยื่นฟ้องร้องรัฐบาลสำหรับการออกใบอนุญาตให้กับบาร์ดังกล่าว ซึ่งโฆษกของกลุ่มบอกว่า จะไม่ถูกหยุดยั้งเพราะเจ้าของเป็นบุคคลชั้นสูง

"นี่เป็นความท้าทายสำหรับพวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ที่ต้องดูแลเรื่องคุณค่าทางศาสนา ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้รับความคุ้มครองอย่างชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญของอินโดนีเซีย" เขากล่าว

ชาวอินโดนีเซียราว 90 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด 237 ล้านคนเป็นมุสลิม โดยที่มีชนกลุ่มน้อยเป็นชาวคริสต์ ฮินดู พุทธ และขงจื๊อ