เอเจนซี - ราคาน้ำมันพุ่งพรวดอีกกว่า 6 เปอร์เซ็นต์เมื่อวันพฤหัสบดี(26) แตะระดับเหนือกว่า 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความคาดหมายว่าโอเปกจะลดกำลังผลิตอีกครั้งและสัญญาณการดีดตัวขึ้นของอุปสงค์น้ำมันเบนซินในสหรัฐฯชาติผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของโลก
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สมาชิกของโอเปกแถลงว่าได้ลดกำลังการส่งออกไปยังเอเชียสำหรับเดือนเมษายนนี้ พร้อมกับคาดหมายว่าโอเปกจะลดกำลังผลิตเพิ่มเติมอีกระหว่างการประชุมครั้งต่อไปในเดือนมีนาคม
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 2.72 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เบรนต์ของลอนดอน ปิดที่ 46.51 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์
ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นยังได้แรงสนับสนุนจากข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯที่เปิดเผยเมื่อวันพุธ(25) แสดงให้เห็นถึงอุปสงค์น้ำมันเบนซินกำลังเพิ่มขึ้นเหนือช่วง 4 สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 กุมภาพันธ์
"การดีดตัวของตลาดมีขึ้นตามหลังข้อมูลอุปสงค์น้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ รวมถึงยูเออีลดกำลังผลิตและตลาดทุนปรับตัวขึ้น" ทอม เบนต์ซ นักวิเคราะห์จากบีเอ็นพีพาริบาสคอมมูดิตี้ฟิวเจอร์สอิงค์ระบุ
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในช่วงเปิดตลาดปรับตัวขึ้นจากข่าวที่ระบุว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังมองหาเงินเพิ่มเติมสำหรับค้ำจุนภาคการเงิน ประกอบกับคลายความกังวลว่ารัฐจะไม่เข้ายึดธนาคารเอกชนสำคัญๆ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นกลับทรุดตัวลงหลังมีการเปิดเผยพบธนาคารที่มีปัญหาเพิ่มจำนวนขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ร่วงลง 90.56 จุด(1.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,180.33 จุด หลังจากช่วงต้นของการซื้อขายขยับขึ้นไปมากกว่า 130 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 12.25 จุด (1.60 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 752.65 จุด และ แนสแดก ทรุดลง 33.96 จุด (2.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,392.47 จุด