เอเอฟพี – กรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อนอก เผยการว่างงานในอีกไม่กี่เดือนข้างอาจเลวร้ายกว่าที่เคยประสบ ทั้งยังอาจจะทำให้หนุ่มสาวโรงงานต้องกลับถิ่นฐานบ้านเกิด ในชนบทด้วย
ขณะที่อุปสงค์จากชาติตะวันตก และญี่ปุ่น ลดต่ำลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกของไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า วิกฤตการจ้างงานมีท่าทีจะยิ่งเลวร้ายกว่าผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเมื่อปี 1997 เสียอีก
กรณ์ ระบุว่า เมื่อ 10 ปีก่อน การลดค่าเงินบาท และเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของคู่ค้าการส่งออกสำคัญๆ ทำให้ไทยสามารถฟื้นตัวจากภาวะการเลิกจ้างงานได้ภายใน 2 ปี แต่ในเวลานี้กลับไม่มีสิ่งรองรับเหล่านั้น เนื่องจากทุกภาคส่วนก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเช่นกัน
“ภาคเกษตรกรรมค่อนข้างดีแล้ว แต่ยังไม่อยู่สถานะที่จะรับผู้ที่ตกงานจากภาคอุตสาหกรรมได้มากนัก ส่วนการส่งออกนั้นยิ่งซบเซาหนัก” เขากล่าว โดยเสริมว่า หากหนุ่มสาวโรงงานถูกเลิกจ้าง พวกเขาคงน่าจะกลับชนบทไปหาครอบครัว ตามสัญชาติญาณ
นอกจากนั้น นายกรณ์ ยังแก้ต่างเกี่ยวกับนโยบายจ่าย 2,000 ให้กับผู้มีรายได้ต่ำ ซึ่งรัฐบาลเพิ่งประกาศใช้เมื่อไม่นานมานี้ว่า เป็นมาตรการกระตุ้นที่รวดเร็ว และได้ผล ที่ให้เงินประชาชนไปใช้จ่าย เพื่อส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ
“ผมบอกได้เลยว่าผู้ที่ได้รับเงินไปส่วนใหญ่จะใช้เงินจำนวนนั้นภายใน 1 สัปดาห์ตั้งแต่ที่ได้รับมา” กรณ์ กล่าว โดยชี้ว่าหากนโยบายดังกล่าวส่งผลกระทบทางการเมืองเป็นไปในแง่บวกกับรัฐบาล และตรงความต้องการของประเทศในปัจจุบัน ย่อมเป็นผลดี แม้จะถูกฝ่ายค้านโจมตีก็ตาม
โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน 2,000 บาทนั้น เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษบกิจมูลค่า 116,7000 ล้านบาท ที่หวังรับมือกับรายได้จากต่างประเทศที่ลดลง และในวันพุธ (18) ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรียังประกาศแผนกระตุ้นเพิ่มเติมอีก 1.9 ล้านล้านบาท สำหรับใช้ตลอด 4 ปีข้างหน้าด้วย
กรณ์ ระบุว่า ในช่วงระยะเวลา 4 ปี สามารถใช้เงินจากมาตรการดังกล่าวทำอะไรได้อีกมาก เพื่อให้เงินกลับไปยังภาคเกษตรกรรม เช่น การปลูกมันสำปะหลังเพื่อเป็นเชื้อเพลิง การพัฒนานาข้าวด้วยโครงการชลประทานขนาดใหญ่
ขณะที่ประเทศไทยมีเป้าหมายในการใช้เศรษฐกิจแบบพอเพียงตามแบบดั้งเดิม แต่ก็ยังมองหาลู่ทางในการบูรณาการ และการค้า ในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ใหญ่ขึ้น ล่วงหน้าก่อนประชุมอาเซียน ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนนี้ด้วย เขาสำทับ