เอเอฟพี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ กำลังพยายามรณรงค์นำเสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลของเขาต่อประชาชนโดยตรง เพื่อเรียกเสียงสนับสนุนก่อนที่วุฒิสภาจะลงมติว่าจะรับแผนการนี้หรือไม่ในวันอังคาร(10) ทั้งนี้เขาย้ำเตือนด้วยว่าหากรัฐบาลไม่ลงมือทำอะไรอย่างเร่งด่วนแล้ว อาจจะเกิด "หายนะ" ขึ้นได้ ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังอเมริกันก็แจ้งเลื่อนแถลงรายละเอียดแผนการช่วยชีวิตภาคการเงินออกไป 1 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้พุ่งความสนใจไปที่แผนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่
ประธานาธิบดีโอบามากำลังกลับมาใช้วิธีการรณรงค์เรียกเสียงสนับสนุนจากประชาชนโดยตรงแบบสมัยหาเสียงเลือกตั้งอีกครั้ง เพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งสำคัญหลังเข้ารับตำแหน่งได้เพียงไม่นาน โดยเขาจะไปพบประชุมหารือกับตัวแทนประชาชนที่มลรัฐอินดีแอนาในวันจันทร์(9) ก่อนที่จะกลับมาแถลงข่าวในทำเนียบขาวในช่วงเวลาสองทุ่ม (ตรงกับ 8.00 น.วันนี้เวลาเมืองไทย) อันเป็นช่วงเวลาไพรม์ไทม์ ทั้งนี้เป็นครั้งแรกที่โอบามานัดแถลงข่าวในช่วงที่จะมีประชาชนเปิดชมกันมากเป็นพิเศษเช่นนี้
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันเสาร์(7) โอบามาแถลงแสดงความยินดีที่มีสัญญาณว่า บรรดาสมาชิกรัฐสภาสามารถประนีประนอมกันได้ในเรื่องแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่เขาเสนอ พร้อมทั้งวุฒิสมาชิกก็เรียกประชุมในช่วงสุดสัปดาห์ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักเพื่อหารือเรื่องนี้ต่อ นอกจากนี้แรงกดดันเรื่องที่จำนวนคนว่างงานเดือนมกราคม เพิ่มสูงขึ้นอีก 598,000 ตำแหน่ง ก็ทำให้หลายฝ่ายเห็นว่าจะกดดันให้รัฐสภาผ่านแผนกระตุ้นออกมาเร็วขึ้น
"เนื่องจากหากเราไม่สามารถทำให้แผนมีผลในทางปฏิบัติโดยไว วิกฤตเศรษฐกิจของเราจะกลายเป็นความหายนะของประเทศชาติ" โอบามากล่าวตอกย้ำ
การที่โอบามาเดินทางไปพูดคุยกับตัวแทนประชาชนที่อินดีแอนา แล้วยังมีต่อด้วยการเดินทางไปมลรัฐฟลอริดาในวันอังคาร เป็นการเน้นให้เห็นถึงความตั้งใจของเขาที่จะหาความสนับสนุนจากผู้คนทั่วประเทศต่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
ในขณะที่ วุฒิสภาที่มีพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากอยู่ทว่ายังไม่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาด ก็มีกำหนดการในวันจันทร์ที่จะเดินหน้าให้มีการตัดสินประเด็นทางข้อบังคับ เพื่อยังความปราชัยให้แก่ยุทธวิธีสกัดกั้นไม่ให้มีการลงมติของฝ่ายพรรครีพับลิกัน โดยหากประสบความสำเร็จ ก็จะได้จัดให้มีการลงมติร่างกฎหมายฉบับนี้ในวันอังคารกันต่อไป
พวกเดโมแครตนั้นมี 58 ที่นั่งในวุฒิสภาที่มี 100 ที่นั่ง ทว่าหากจะเสนอให้สภาปิดการอภิปราย จะต้องได้เสียงถึง 60 เสียง ดังนั้น เท่ากับว่าในทางเทคนิคแล้วต้องได้ 60 เสียงดังกล่าว จึงสามารถขัดขวางยุทธวิธีของฝ่ายค้าน ที่จะสกัดกั้นไม่ให้มีการลงมติ ด้วยการขออภิปรายต่อไปเรื่อยๆ ไม่ยอมเสร็จสิ้น ทั้งนี้ เวลานี้พวกเดโมแครตดูมีความมั่นใจว่า จะได้เสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันแนวคิดกลางๆ อย่างน้อยสามเสียงแล้ว
แม้ว่าจะมีการเจรจาต่อรองกัน จนกระทั่งฝ่ายเดโมแครตยอมประนีประนอมแก้ไขร่างกฎหมายเพื่อให้ผ่านกฏหมายนี้ไปได้ แต่ผู้นำวุฒิสมาชิกฝ่ายค้านก็ยังยืนยันว่า การที่โอบามาผสานทั้งการใช้จ่ายเพื่อสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ และการลดภาษีเอาไว้ในร่างกฎหมายนี้ จะทำให้เกิดการใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาลอย่างไม่เป็นประโยชน์เท่าที่ควร
"เรากำลังเดินไปตามเส้นทางแห่งหายนะภัยทางการเงิน และเราต้องใช้เงินก้อนใหญ่เพื่อแก้ไข" ริชาร์ด เชลบี สมาชิกคนสำคัญของคณะกรรมาธิการการธนาคารแห่งวุฒิสภา ซึ่งเป็นสมาชิกระดับนำของพรรครีพับลิกันกล่าวทางโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอาทิตย์(8)
"หากว่าเราไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาในระบบการธนาคารให้คลี่คลายไปได้ เศรษฐกิจก็ยังคงย่ำแย่ต่อไป" เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่หลายคนในคณะรัฐบาลโอบามากล่าวแย้งในวันเดียวกันว่า อันที่จริงแล้วรัฐบาลได้เตรียมแผนการเรื่องแก้ปัญหาภาคการเงินการธนาคารเอาไว้แล้ว รวมทั้งจะมีมาตรการในการกระตุ้นฟื้นฟูตลาดที่อยู่อาศัยด้วย โดยรัฐมนตรีคลัง ทิโมธี ไกธ์เนอร์ จะเป็นผู้แถลงรายละเอียดของแผนการนี้ในวันอังคาร
แลร์รี ซัมเมอร์ส ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ กล่าวในวันอาทิตย์ ถึงบางประเด็นในแผนการกู้ชีพภาคการเงินการธนาคาร โดยชี้ว่าเงินที่เหลืออยู่อีก 350,000 ล้านดอลลาร์ ของโครงการบรรเทาสินทรัพย์มีปัญหา (ทาร์ป) สามารถนำมาช่วยทำให้ตลาดสินเชื่อผ่อนคลายความตึงตัวได้ นอกจากนั้นยังจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินอย่างน้อย 50,000 ล้านดอลลาร์เข้าไปในตลาดอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานในฉบับวันจันทร์ว่า แผนการที่จะช่วยเหลือระบบการธนาคารของสหรัฐฯนั้นวางอยู่บนหลักการที่ว่า พวกนักลงทุนในเฮดจ์ฟันด์, ไพรเวท อิควิตี้ ฟันด์ และสถาบันการเงินอื่น ๆ จะต้องเข้ามาซื้อหนี้ที่มีปัญหาของภาคธนาคาร ซึ่งหนี้มีปัญหาเหล่านี้เองหากธนาคารยังอุ้มเอาไว้ ก็จะกินลึกไปถึงเงินทุนดำเนินงานของธนาคารไปด้วย
นิวยอร์กไทมส์รายงานว่าภายใต้แผนดังกล่าว รัฐบาลสหรัฐฯจะรับประกันราคาเบื้องต้นของสินทรัพย์ เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนที่ลังเลเข้ามาซื้อสินทรัพย์เหล่านั้นไป
อนึ่ง ถ้าหากเดโมแครตประสบความสำเร็จในการทำให้ร่างกฎหมายว่าด้วยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านวุฒิสภาออกมาได้ ก็ยังคงมีขั้นตอนในการทำให้ร่างกฎหมายของวุฒิสภานี้ กับร่างของสภาผู้แทนราษฎรที่ทำเสร็จออกมาก่อนหน้านี้แล้วทว่ายังมีหลายประเด็นหลายมาตราแตกต่างออกไป กลายเป็นฉบับเดียวกันให้ได้เสียก่อน
ระหว่างให้สัมภาษณ์ทางทีวีวันอาทิตย์ ซัมเมอร์สมองในแง่ดีว่า ร่างกฏหมายของทั้งสองสภามีความเหมือนกันราว 90% อยู่แล้ว