เอเจนซี - คณะรัฐบาลโอบามา กำลังวางแผนยกระดับระบบควบคุมภาคการเงินการธนาคารของสหรัฐฯ โดยมีทั้งการออกระเบียบกฎเกณฑ์ของรัฐบาลกลางที่คุมเข้มพวกเฮดจ์ฟันด์ บริษัทเครดิตเรตติ้ง และโบรกเกอร์สินเชื่อที่อยู่อาศัย
รายงานจากหนังสือพิมพ์ นิวยอร์กไทมส์ ฉบับวันอาทิตย์ (25) ระบุด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่คราวนี้ ยังจะมีเรื่องการเพิ่มการติดตามตรวจสอบพวกเครื่องมือทางการเงินอันซับซ้อน ที่เป็นตัวจุดชนวนให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันขึ้นมา
นิวยอร์กไทมส์ รายงานข่าวนี้ โดยอ้างอิงการให้สัมภาษณ์ของบรรดาเจ้าหน้าที่, บวกกับการศึกษาจากการให้ปากคำ เพื่อขอการรับรองจากวุฒิสภา ของพวกผู้ได้รับแต่งตั้งเข้าสู่ตำแหน่งอาวุโสในคณะรัฐบาลโอบามา, รวมไปถึงรายงานเมื่อเร็วๆ นี้จากคณะกรรมการระดับระหว่างประเทศที่นำโดย พอล โวคเกอร์ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่เวลานี้เป็นหนึ่งในหัวหน้าที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดี บารัค โอบามา
รายงานของหนังสือพิมพ์อเมริกันทรงอิทธิพลฉบับนี้ บอกว่า พวกเจ้าหน้าที่เหล่านี้ต้องการให้มีระเบียบกฎเกณฑ์ที่จะขจัดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนของพวกบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งถูกตั้งข้อครหาหนักจากการให้เรตติ้งการลงทุนสูงสุด แก่บรรดาเครื่องมือการเงินที่ไม่มีความมั่นคง และในที่สุดแล้วความบกพร่องเช่นนี้ ก็ได้กลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดปั่นป่วนผันผวน
เจ้าหน้าที่เหล่านี้ ยังชี้ว่า ภายใต้ระบบปัจจุบัน บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ จะได้รับเงินจากบริษัทต่างๆ เป็นค่าตอบแทนในการช่วยจัดโครงสร้างเครื่องมือทางการเงิน โดยที่ในเวลาต่อมาบริษัทจัดอันดับฯ ก็ยังจะเป็นผู้มาจัดอันดับความน่าเชื่อถือของเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้อีก
“ถ้าเราไม่จัดการกับรูปแบบการจ่ายค่าตอบแทนแล้ว เราก็จะไม่สามารถจัดการกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้เลย และผู้คนก็จะไม่เชื่อมั่นอันดับความน่าเชื่อถือ และไม่เชื่อมั่นในคุณค่าของตราสารที่ถูกจัดอันดับ” นิวยอร์กไทมส์ อ้างอิงคำพูดของแมรี ชาปิโร ผู้เพิ่งได้รับการรับรองจากวุฒิสภาในการที่เธอได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งจากโอบามา ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (เอสอีซี) คนใหม่
นิวยอร์กไทมส์ ระบุว่า ทิโมที ไกธ์เนอร์ ว่าที่รัฐมนตรีคลัง ก็ได้แสดงความคิดเห็นทั้งเป็นลายลักษณ์อักษรและคำพูดในลักษณะเดียวกัน ต่อคณะกรรมาธิการการเงินวุฒิสภาเมื่อเร็วๆ นี้
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ยังอ้างพวกเจ้าหน้าที่ ซึ่งกล่าวอีกว่า คณะรัฐบาลโอบามา ยอมรับแกนความคิดหลักประการหนึ่งในรายงานของโวคเกอร์ ในฐานะเป็นหลักการนำทางอันสำคัญยิ่ง นั่นก็คือ หลักการที่ว่า พวกบริษัท และเครื่องมือทางการเงินสำคัญๆ ที่ส่วนใหญ่ยังไม่ถูกกำกับตรวจสอบนั้น จะต้องถูกดึงเข้าอยู่ภายใต้กรอบข้อบังคับที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น
นิวยอร์กไทมส์ ชี้ว่า แม้มาตรการกำกับตรวจสอบเหล่านี้ บางอย่างอาจจะต้องออกกฎหมายใหม่ๆ มารองรับ จึงจะสามารถปฏิบัติได้ ทว่า อีกหลายมาตรการสามารถกระทำได้เลย โดยอาศัยระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่มีอยู่แล้วของบรรดาหน่วยงานของรัฐบาลกลาง
เกี่ยวกับพวกโบรกเกอร์ทางด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งมีส่วนอย่างมากในการสร้างวิกฤต ด้วยการปล่อยกู้สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่ขาดความเหมาะสมเป็นจำนวนมากนั้น รายงานของนิวยอร์กไทมส์ กล่าวว่า ทางคณะรัฐบาลโอบามาวางแผนที่จะเสนอกำหนดมาตรฐานระดับรัฐบาลกลางขึ้นมา เพื่อใช้กำกับดูแลพวกโบรกเกอร์ประเภทนี้ ทั้งนี้ ในปัจจุบันมาตรการควบคุมโบรกเกอร์ด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัย มีอยู่แต่เฉพาะในระดับมลรัฐเท่านั้น นอกจากนี้ คณะรัฐบาลโอบามา ยังกำลังพิจารณาที่จะให้เอสอีซีเพิ่มบทบาท ในการตรวจสอบควบคุมมาตรฐานการอันเดอร์ไรต์พวกตราสารหนี้ที่หนุนโดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้มากขึ้น
เป้าหมายอื่นๆ ที่พวกเจ้าหน้าที่ในคณะรัฐบาลโอบามาวางแผนที่จะคุมเข้มมากขึ้น ยังมีอาทิ กำหนดให้การซื้อขายตราสารอนุพันธ์ เช่น สัญญารับประกันเงินกู้ ต้องกระทำผ่านสำนักหักบัญชีส่วนกลาง และอาจจะจัดให้มีการซื้อขายสัญญาประเภทนี้ในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่หนึ่งแห่งขึ้นไป
นอกจากนี้ แผนการที่เตรียมการกันไว้นี้ ยังจะมีการขยายบทบาทของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการคุ้มครองปกป้องเศรษฐกิจจากความเสี่ยงเชิงระบบอันจะเกิดจากปัญหายุ่งเหยิงของบริษัทต่างๆ ทั้งนี้ ตามรายงานของคณะกรรมการของโวคเกอร์ที่นำออกเผยแพร่ในเดือนนี้
นิวยอร์กไทมส์ แย้มว่า พวกเจ้าหน้าที่ของโอบามายังกำลังเริ่มศึกษาวิธีควบคุมการจ่ายเงินตอบแทนตลอดจนเงินชดเชยต่างๆ แก่พวกผู้บริหารบริษัท
ขณะที่มีเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งกำลังจัดทำยุทธศาสตร์สำหรับรัฐบาลนำไปใช้ ในการให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมการธนาคารที่กำลังประสบปัญหาหนัก
นิวยอร์กไทมส์ ทิ้งท้ายว่า พวกผู้ช่วยระดับอาวุโสของโอบามาต่างประกาศ ว่า จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แผนการควบคุมภาคการเงินฉบับใหม่นี้ ออกมาบังคับใช้โดยเร็ว
