xs
xsm
sm
md
lg

ไบเดนยันสหรัฐฯ “ท่าทีใหม่” ด้านนโยบายต่างประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี - โจ ไบเดน รองประธานาธิบดีอเมริกัน ให้คำมั่นในที่ประชุมด้านความมั่นคงที่นครมิวนิกเมื่อวันเสาร์ (9) ว่า สหรัฐฯ ในยุคของประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะปรับท่าทีใหม่ในด้านนโยบายต่างประเทศ แต่เขาก็เตือนประเทศต่างๆ ด้วยว่า การปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการด้วยกันทั้งสองฝ่าย

“ผมมาที่ยุโรปในนามของรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งมีความมุ่งมั่นที่จะกำหนดท่าทีใหม่ ซึ่งไม่เพียงในเรื่องที่กี่ยวกับสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับทั่วโลกด้วย” ไบเดนกล่าวสุนทรพจน์สำคัญด้านนโยบายต่างประเทศต่อที่ประชุมดังกล่าว ในระหว่างการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่ง

ไบเดนกล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้อง “ตั้งเข็มกันใหม่” ในเรื่องความสัมพันธ์อันเย็นชาระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย และสหรัฐฯ ก็ยังยินดีที่จะเจรจากับ “บุคคลสำคัญ” ของอิหร่านหลังจากที่ทั้งสองประเทศตัดขาดความสัมพันธ์กันมานานถึงสามทศวรรษ ทว่าเขาระบุด้วยว่าประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ เองก็จะต้องเลิกเล่นเกมด้วยเช่นกัน

เขากล่าวว่า “อเมริกาจะลงมือทำงานหนักขึ้น แต่อเมริกาก็จะขอความช่วยเหลือจากหุ้นส่วนมากขึ้นด้วย” และว่า “ในขณะที่เราจัดทำกรอบในการต่อสู้กับลัทธิสุดขั้วร่วมกัน เราจะต้องร่วมมือกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกในการทำงาน และเราต้องการความช่วยเหลือจากพวกท่านด้วย”
ไบเดนยังยกตัวอย่างว่าสหรัฐฯ จะขอให้ประเทศอื่นๆ รับเอานักโทษจากค่ายกักกันผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ก่อการร้ายในอ่าวกวนตานาโมไปดูแลด้วย หลังจากที่มีการปิดคุกดังกล่าวภายในเวลา 1 ปีตามคำสั่งของโอบามาแล้ว

การประชุมประจำปีด้านความมั่นคงและนโยบายการต่างประเทศที่นครมิวนิก ประเทศเยอรมนีครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมมีทั้งตัวแทนของประเทศต่างๆ จากทั่วโลก รวมทั้งรัสเซียและอิหร่านด้วย โดยประเด็นสำคัญที่ประชุมถกเถียงกันคือ เรื่องความมั่นคงสำหรับศตวรรษที่ 21 ซึ่งรวมถึงโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แผนการติดตั้งโล่ป้องกันขีปนาวุธในประเทศที่อยู่ติดกับรัสเซีย การปราบกลุ่มตอลิบานในอัฟกานิสถานที่กำลังฟื้นตัวขึ้นใหม่ ตลอดจนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ปัญหาตะวันออกกลาง อนาคตของพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ภายหลังจากที่สงครามเย็นสิ้นสุดลงแล้ว 20 ปี ความมั่นคงด้านพลังงาน และปัญหาอิรัก

ทั้งนี้ นอกจากไบเดนแล้ว โอบามายังได้ส่งคนสำคัญเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้อีกหลายคน อาทิ พลเอกเจมส์ โจนส์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ริชาร์ด โฮลบรูก ผู้แทนพิเศษดูแลอัฟกานิสถานและปากีสถาน และพลเอกเดวิด เพเทรอัส ผู้บัญชาการกองบัญชาการทหารเขตกลางของสหรัฐฯ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลทั้งอัฟกานิสถานและอิรัก

ไบเดนอ้างคำพูดของโอบามาที่ว่า สหรัฐฯ พร้อมยื่นมือเชื่อมสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านถ้าหากผู้นำของอิหร่านยอม “คลายกำปั้นออก” และ “เรายินดีที่จะเจรจากับอิหร่าน โดยจะเปิดทางเลือกที่ชัดเจนให้ด้วย” ทว่า อิหร่านจะต้องล้มเลิกความพยายามที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งหยุดสนับสนุนลัทธิก่อการร้าย

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างโลกตะวันตกกับรัสเซียก็เป็นประเด็นสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ ในยุคของจอร์จ ดับเบิลยู บุช กับรัสเซียในยุคที่วลาดิมีร์ ปูตินเป็นผู้นำนั้นตกต่ำถึงขีดสุด เนื่องจากรัสเซียโกรธที่สหรัฐฯ มีแผนการติดตั้งระบบสกัดขีปนาวุธและระบบเรดาร์ในโปแลนด์กับสาธารณรัฐเช็ก แต่บุชบอกว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งนั้นมีไว้เพื่อตรวจจับและยิงสกัดขีปนาวุธที่มาจาก “ประเทศอันธพาล” อาทิ อิหร่าน

ความเย็นชาต่อกันยิ่งหนักขึ้นเมื่อรัสเซียไม่พอใจที่กลุ่มนาโตอาจจะขยายตัว และได้จุดชนวนสงครามกับจอร์เจียเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วท่ามกลางความไม่พอใจของโลกตะวันตก

ไบเดนบอกอีกว่าสหรัฐฯ จะปรึกษาหารือกับพันธมิตรนาโตและรัสเซียในเรื่องระบบโล่ป้องกันขีปนาวุธ และจะสานต่อโครงการนี้ก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวใช้การได้และคุ้มค่าการลงทุนเท่านั้น อีกทั้งสหรัฐฯ ยังเตรียมฟื้นการเจรจาสนธิสัญญาปลดอาวุธนิวเคลียร์ “START” กับรัสเซียด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น