เอเอฟพี - สหรัฐฯ และชาติตะวันตก แสดงความ “วิตกอย่างใหญ่หลวง” เมื่อวันอังคาร (3) หลังอิหร่านเผยว่าประสบความสำเร็จปล่อยดาวเทียมที่สร้างขึ้นเองเป็นดวงแรกขึ้นสู่วงโคจรรอบโลก หวั่นอาจนำไปสู่การพัฒนาจรวดขีปนาวุธพิสัยไกลซึ่งสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์
“ชาวอิหร่านทั้งหลาย ลูกหลานของท่านได้ปล่อยดาวเทียมของอิหร่านดวงแรกขึ้นสู่วงโคจรรอบโลกได้สำเร็จแล้ว การปล่อยดาวเทียมครั้งนี้ จึงทำให้สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านได้ขึ้นไปปรากฏตัวในอวกาศอย่างเป็นทางการ” ประธานาธิบดี มาห์มูด อาห์มาดิเนจัด แถลงผ่านเครือข่ายโทรทัศน์ของอิหร่านเมื่อวันอังคาร (3) หลังเตหะราน ประกาศว่า ได้ปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรรอบโลกแล้วเมื่อวันจันทร์ (2) ซึ่งตรงกับวาระ 30 ปีแห่งการปฏิวัติอิสลาม
สำนักข่าวอิหร่านรายงานว่า ดาวเทียม “โอมิด” (ความหวัง) ดวงนี้ ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศในช่วงเย็นวันจันทร์ (2) โดยอาศัยจรวด “ซาฟีร์-2” ซึ่งอิหร่านสร้างขึ้นเองเช่นกัน เป็นยานนำขึ้นสู่อวกาศ ดาวเทียมดวงนี้จะโคจรรอบโลก 15 รอบในทุก 24 ชั่วโมง
ขณะที่สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐของอิหร่าน กล่าวว่า โอมิดได้รับการออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและทดสอบเครื่องมืออุปกรณ์ และกำลังดำเนินการทดลอบอุปกรณ์ควบคุมดาวเทียมตลอดจนระบบจ่ายไฟฟ้าของดาวเทียม
โลกตะวันตก กลัวว่า โครงการปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศของอิหร่านนั้น อาจเปลี่ยนไปสู่การพัฒนาจรวดขีปนาวุธพิสัยไกล ซึ่งสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้
ปฏิกิริยาแรกจากต่างชาติ ฝรั่งเศสแสดงความกังวล เพราะเทคโนโลยีที่ใช้คล้ายกันมากกับที่ใช้ในจรวดขีปนาวุธ “ความเชื่อมโยงกันนี้ก่อความกังวลอย่างมากต่อความสามารถในการพัฒนานิวเคลียร์ทางทหาร” โฆษกกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศสกล่าวในปารีส
ในวอชิงตัน โรเบิร์ต วูด โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า โปรแกรมดาวเทียว “มีความเป็นไปได้ที่นำไปสู่การพัฒนาจรวดขีปนาวุธ” เขากล่าว “มันคือความกังวลอย่างใหญ่หลวงของเรา”
บิลล์ แรมเมลล์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวในลอนดอน แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อการปล่อยดาวเทียวครั้งนี้ของอิหร่าน “การทดสอบย้ำและอธิบายให้เห็นถึงความน่าเป็นห่วงอย่างสาหัสของเราต่อเจตนาของอิหร่าน”
การปล่อยดาวเทียมโอมิดครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อิหร่านยังคงปฏิเสธข้อเรียกร้องของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ให้ระงับโครงการนิวเคลียร์
โลกตะวันตกสงสัยว่า อิหร่านกำลังพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์อยู่อย่างลับๆ ทว่า อิหร่านปฏิเสธอย่างหนักแน่น ว่า โครงการนิวเคลียร์ของตนนั้นมีขึ้นเพื่อพัฒนาพลังงานอย่างสันติ และตนมีสิทธิที่จะพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวได้เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ รวมทั้งศัตรูตัวฉกาจอย่างสหรัฐฯ
ด้าน อาห์มาดิเนจัด กล่าวว่า ดาวเทียมของอิหร่านนั้นเป็นดาวเทียมนำสารแห่ง "สันติภาพและภราดรภาพ" มาสู่โลก และปฏิเสธความเห็นที่ว่าโครงการอวกาศของอิหร่านนั้นมีเป้าหมายในทางการทหาร โดยบอกว่า “โลกยุคนี้ไม่พูดเรื่องเก่าๆ แบบนั้นอีกแล้ว”
“เรามีมุมมองต่อเรื่องเทคโนโลยีในแบบของพระเป็นเจ้า ไม่ใช่แบบของซาตานเหมือนพวกมหาอำนาจที่ครอบงำโลกอยู่” เขาเสริมด้วยว่า “ดาวเทียมและจรวดส่งดาวเทียมล้วนแต่สร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอิหร่าน และอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของอิหม่ามองค์ที่ 12”
ทั้งนี้ อาห์มาดิเนจัด ถือว่า การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องสำคัญในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขาระบุด้วยว่า อิหร่านได้ก้าวหน้ามาถึงจุดสูงสุดแม้จะถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติก็ตาม และอิหร่านก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างประเทศอีกต่อไป
การปล่อยดาวเทียมครั้งนี้ยังเกิดขึ้นหนึ่งวันก่อนกำหนดการที่พวกนักการทูตอาวุโสจาก 6 ชาติมหาอำนาจจะประชุมกันเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่เยอรมนี โดยจะหารือกันถึงการที่อิหร่านยังคงปฏิเสธที่จะหยุดเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียม