xs
xsm
sm
md
lg

คาดประชุมFOMCพุธนี้ไม่ขยับอะไรนัก รอนโยบายแก้วิกฤตการเงินรบ.โอบามา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเจนซี - คาดธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ซึ่งประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(เอฟโอเอ็มซี)กันในวันอังคาร(27)และวันพุธ(28) จะต้องค้นหากลยุทธ์นอกตำรา เพื่อแก้ไขผ่อนคลายภาวะตลาดสินเชื่อตึงตัว หลังจากได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงมาจนอยู่ใกล้ระดับศูนย์เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ดี กว่าที่เฟดจะลงมือปฏิบัติการใดๆ คงจะต้องรอดูทิศทางนโยบายการคลี่คลายวิกฤตการณ์ทางการเงินของคณะรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามาเสียก่อน

หลังการประชุมเอฟโอเอ็มซีเป็นเวลา 2 วัน เฟดมีกำหนดจะแถลงข่าวผลการหารือกันในเวลา 14.15 น.วันพุธ ตามเวลามาตรฐานตะวันออกของสหรัฐฯ (ตรงกับ 02.15 น.วันพฤหัสบดีที่ 29 ตามเวลาในประเทศไทย)

คาดกันว่า การประชุมดังกล่าว จะมีการแสวงหาหนทางใหม่ ๆ ในการยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นเวลา 1 ปีเต็ม รวมทั้งค้นหามาตรการใหม่ ๆ ในการฟื้นความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้บริโภค ที่กำลังอยู่ในภาวะตื่นตกใจกับวิกฤตการณ์ในตลาดเงิน อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการล่มสลายของตลาดที่พักอาศัย

คาดกันว่า รายงานภาวะเศรษฐกิจที่จะได้รับการเผยแพร่ในวันศุกร์(30)นี้ จะระบุชัดเจนว่า เศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว มีการหดตัวอย่างรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่ปี 1982 เป็นต้นมาทีเดียว

นักเศรษฐศาสตร์หลายคนกล่าวว่า การประชุมเอฟโอเอ็มซีคราวนี้ น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย "เฟดฟันด์เรต" ไว้ที่ระดับเดิม คือ 0 ถึง 0.25 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเน้นย้ำให้ตลาดเกิดความมั่นใจว่าอัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง

นอกจากนั้น ยังคาดกันด้วยว่า เฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนในแนวนโยบายการสนับสนุนตลาดสินเชื่อด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพิ่มมากขึ้น และอาจเป็นไปได้ที่จะมีการส่งสัญญาณบอกใบ้ถึงแนวทางการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งเฟดจะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างสูง

"ส่วนที่ง่ายที่สุดคือการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ในระดับเดิม พร้อมด้วยคำอธิบายว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องทำอย่างนั้น..." ไมเคิล เฟโรลี นักเศรษฐศาสตร์ของเจพีมอร์แกนในนิวยอร์กกล่าว

อีกด้านหนึ่ง ทีมงานเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโอบามาก็กำลังเร่งยกเครื่องเปลี่ยนแปลงวิธีในการรับมือกับวิกฤตการยึดบ้านติดจำนองและวิกฤตของภาคธนาคารที่กำลังทวีความร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ

ทิโมธี ไกธ์เนอร์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ของสหรัฐ แถลงในรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า คณะรัฐบาลประธานาธิบดีโอบามาจะกำหนดกรอบยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาอย่างชัดเจนภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า

ขณะที่ยุทธศาสตร์การคลี่คลายวิกฤตการณ์ของฝ่ายบริหารยังไม่ชัดเจน เฟดก็ยากที่จะประกาศมาตรการใหม่ ๆ ในการแก้ไขปัญหาทางการเงิน เนื่องจากบางมาตรการของเฟดนั้นอาจต้องใช้เงินภาษีของประชาชนเข้าลงทุนซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง

"ผมไม่คิดว่าเฟดจะประกาศมาตรการอะไรที่มีนัยสำคัญเชิงยุทธศาสตร์หลังการประชุมครั้งนี้" ไลล์ แกรมลีย์ อดีตกรรมการเฟดคนหนึ่งกล่าว

หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากระดับ 5.25 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนกันยายน 2007 ลงมาอยู่ที่ระดับใกล้ศูนย์เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เฟดก็ได้หันมาเน้นใช้นโยบายใหม่ ในการคลี่คลายปัญหาความตึงตัวในตลาดสินเชื่อ

นโยบายใหม่ของเฟดจะมุ่งเน้นการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบที่กำลังตึงตัวอย่างหนัก เพราะความแตกตื่นและวิตกกังวลที่เกิดจากการขาดทุนมหาศาลของสถาบันการเงิน โดยเฟดได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบไปแล้วกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นลำดับต่อไป

นอกจากนั้น เฟดยังให้ประกาศให้คำมั่นด้วยว่า จะให้การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการศึกษา บัตรเครดิต สินเชื่อเพื่อการซื้อรถยนต์ และสินเชื่อสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก โดยผ่านโครงการ Term Asset-Backed Securities Loan Facility, หรือ TALF มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกำหนดจะเริ่มต้นในเดือนหน้าด้วย

ภายใต้โครงการ TALF กระทรวงการคลังจะร่วมลงทัน 20,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยอันเดอร์ไรต์การลงทุนในสินเชื่อเหล่านี้ของเฟด พวกเจ้าหน้าที่หลายคนบอกด้วยว่า โครงการนี้ยังอาจมีการขยายไปครอบคลุมหลักทรัพย์ต่างๆ ที่ผูกอยู่กับสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ และสินเชื่อที่อยู่อาศัยแบบรวมกันเป็นก้อนๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น