เอเอฟพี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เมื่อวันพฤหัสบดี (22) ลงนามในคำสั่งปิดค่ายกักกันที่อ่าวกวนตานาโม ภายในปีนี้ และระงับไต่สวนทารุณต่อผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย ความเคลื่อนไหวอันรวดเร็ว เพื่อปฏิรูปภาพลักษณ์สหรัฐฯในสายตาต่างชาติ
คำสั่งพิเศษปิดค่ายกักกันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการทำทารุณและกักขังผู้ต้องสงสัยโดยปราศจากการตั้งข้อกล่าวหาภายใต้รัฐบาลริพับลิกันของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช พร้อมยังเป็นการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ โอบามา เคยให้ไว้ระหว่างรณรงค์หาเสียง
“นั่นคือ สาส์นที่เราส่งไปทั่วโลกว่า สหรัฐฯ มีจุดมุ่งหมายดำเนินการสอบสวนความรุนแรงและภัยก่อการร้ายอย่างไม่ลดละ แต่เราจะทำมันด้วยความรอบคอบ” โอบามา กล่าว ณ พิธีลงนามในห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว
“เราต้องการทำมันให้เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงและเราจะทำมันตามวิธีซึ่งตรงกับคุณค่าและแนวคิดของเรา” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลเดโมแครต ของ โอบามา ทราบดีว่า การตัดสินใจปิดค่ายกักกัน คือ ก้าวย่างแรกในกระบวนการที่ยาวนานในการกำหนดชะตาของผู้ต้องสัยสัย 250 คน ซึ่งส่วนใหญ่ถูกควบคุมตัวนานปลายปีโดยปราศจากการพิจารณาคดี
การปิดคุกกวนตานาโม ยังมีปัญหาต่างๆ รออยู่ข้างหน้า เช่น จะนำผู้ต้องหาไปดำเนินคดีที่ไหน หรือสำหรับผู้ที่ถูกปล่อยตัวจะถูกส่งกลับไปอย่างปลอดภัยได้อย่างไร
สหรัฐฯพยายามตั้งข้อหาก่อการร้ายนักโทษราว 80 คน ขณะเดียวกัน ก็พร้อมปล่อยตัวผู้ถูกคุมขัง 50 คน ทว่าไม่สามารถส่งพวกเขากลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนได้เพราะว่าเสี่ยงต่อกรณีที่พวกเขาอาจถูกทรมานและตามประหัตประหารที่นั่น
เมื่อเดือนที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศของโปรตุเกส เรียกร้องชาติยุโรปรับนักโทษจากสถานกักกันกวนตานาโม เพื่อเปิดทางให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับ โอบามา ในการปิดคุกแห่งนี้ ขณะที่สวิตเซอร์แลนด์ บอกว่า ยินดีเปิดรับผู้ต้องขังเหล่านั้น
สถานกักกันแห่งนี้ถูกตั้งขึ้นมา ณ ฐานทัพราชนาวีสหรัฐฯ ในอ่าวกวนตานาโม หลังจากเหตุโศกนาฏกรรม 11 กันยายน 2001 โจมตีอเมริกาและเป็นส่วนหนึ่งของ “สงครามต้านก่อการร้าย” ภายใต้รัฐบาลบุช
เมื่อวันพุธ (21) คณะผู้พิพากษาต้องสั่งระงับการดำเนินคดีในศาลทหารพิเศษที่อ่าวกวนตานาโมหลายคดีกับผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายตามคำสั่งของโอบามา โดยหนึ่งในนั้น เป็นคดีของผู้ต้องสงสัยก่อวินาศกรรม 11 กันยายนในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ กระบวนการต่างๆ ทางกฎหมายในระบบศาลทหารพิเศษที่กวนตานาโม ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากฝ่ายทหารผูกขาดการทำหน้าเป็นทั้งเป็นผู้คุมขัง, ผู้พิพากษา และคณะลูกขุน