xs
xsm
sm
md
lg

คาดสิงคโปร์อาจปล่อยค่าเงินให้อ่อน หลัง ศก.ปีนี้ทำท่าหดตัวแรงสุดถึง 5%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชายคนหนึ่งเดินในย่านการเงินของสิงคโปร์
รอยเตอร์ - เศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัวรุนแรงเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว นอกจากนั้น รัฐบาลยังคาดการณ์ว่า จีดีพีปีนี้ก็อาจติดลบสูงถึง 5 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งเป็นไปได้ว่าราคาผู้บริโภคก็จะหล่นฮวบด้วย ซึ่งจะกดดันให้จำเป็นต้องลดค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์

คำแถลงที่ออกมาเมื่อวันพุธ (21) ของรัฐบาลสิงคโปร์ ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งยังคาดการณ์ว่า มีแนวโน้มจะทรุดตัวต่อไปด้วย

นักวิเคราะห์หลายคน ให้ทัศนะว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวของรัฐบาลสิงคโปร์ อาจเป็นการส่งสัญญาณให้ธนาคารกลางกดค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ให้อ่อนตัว เพื่อช่วยเหลือภาคการส่งออกที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ

นอกจากนั้น ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจนี้ ที่บ่งชี้ถึงแนวโน้มการทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ยังจะเป็นการเปิดช่องให้รัฐบาลเพิ่มตัวเลขร่างงบประมาณประจำปีฉบับใหม่ที่จะประกาศในวันพฤหัสบดี (22) ขึ้นอีก ด้วยเหตุผลว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตการณ์ที่กำลังเล่นงานทั่วโลกอยู่เวลานี้

ตามการแถลงของรัฐบาลสิงคโปร์เมื่อวานนี้ ปรากฏว่า ช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2008 อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ติดลบถึง 16.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะติดลบประมาณ 12.5 เปอร์เซ็นต์ การติดลบคราวนี้ถือเป็นไตรมาสที่มีการหดตัวครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ และเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน

การหดตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ทำให้อัตราขยายตัวของจีดีพีสิงคโปร์ตลอดปี 2008 ลดลงมาเหลือเพียง 1.2 เปอร์เซ็นต์ จากที่เคยมีอัตราขยายตัวสูงถึง 7.7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อปี 2007

นอกจากนั้น สภาพการณ์ดังกล่าวยังทำให้รัฐบาลสิงคโปร์ต้องปรับลดตัวเลขคาดการณ์อนาคตทางเศรษฐกิจปี 2009 เป็นครั้งที่ 2 ในช่วงเวลาเพียง 3 สัปดาห์ โดยคราวล่าสุดนี้คาดว่าในปี 2009 นี้ อัตราขยายตัวของจีดีพีจะติดลบอยู่ระหว่าง 2-5 เปอร์เซ็นต์ และอัตราเงินเฟ้อจะติดลบประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์

ราวี เมนอน รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ของสิงคโปร์แถลงวานนี้ ว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์กำลังเผชิญกับกับภาวะถดถอยที่รุนแรงและล้ำลึกอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ส่วนทางภาคเอกชน กิตเหว่ยเจิ้ง นักเศรษฐศาสตร์ของซิตี้กรุ๊ป กล่าวคาดหมายว่า “การที่รัฐบาลยอมรับว่าเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการปรับลดค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ในเดือนเมษายนนี้” เขายังบอกด้วยว่า ยุทธวิธีลดค่าเงินตราจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้านราคาของสินค้าสิงคโปร์ในต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ทบวงการเงินแห่งสิงคโปร์ ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นธนาคารกลางของประเทศนี้แถลงวานนี้ว่า ถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาทบทวนนโยบายค่าเงินแต่อย่างใด หลังจากเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้ดำเนินนโยบายจำกัดกรอบการแข็งค่าของดอลลาร์สิงคโปร์ให้เป็นศูนย์ เพื่อต่อสู้กับวิกฤตการณ์ในตลาดเงินโลก ทบวงฯ ยืนยันด้วยว่า จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายค่าเงินก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในเดือนเมษายนแน่นอน

จากการที่ราคาสินค้าและบริการในสิงคโปร์กำลังลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ผู้เชี่ยวชาญเห็นกันว่าจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง โดยเท่ากับเป็นการเกิดภาวะเงินฝืด โดยเฉพาะเมื่ออุปสงค์ในตลาดก็อ่อนตัวลงไปด้วย สืบเนื่องจากผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าและบริการไว้ก่อน ด้วยความคาดหมายว่าราคาจะตกต่ำลงไปอีก

อย่างไรก็ตาม ปรากรีติ โซฟัต นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเอชเอสบีซี ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินฝืดยืดเยื้อในสิงคโปร์นั้นมีน้อยมาก เนื่องจากตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคที่อ่อนตัวลงในขณะนี้ ที่สำคัญยังเป็นผลมาจากการอ่อนตัวของราคาอาหารและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

กระนั้นก็ดี หลังรัฐบาลประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ ค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ก็ได้อ่อนตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง ที่ 1.512 ดอลลาร์สิงคโปร์แลกได้ 1 เหรียญสหรัฐฯ

ไอรีน เฉิง นักยุทธศาสตร์ค่าเงินของรอแยล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ในสิงคโปร์ ให้ทัศนะว่า ค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์มีความเสี่ยงที่จะอ่อนตัวลงอีก และเชื่อว่า ไม่ช้าก็เร็วธนาคารกลางของสิงคโปร์ก็จะปรับเปลี่ยนนโยบายค่าเงินอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น