ASTVผู้จัดการ/กระทรวงการต่างประเทศ - กระทรวงการต่างประเทศเผยมีแรงงานไทยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยใกล้ฉนวนกาซาราว 3,000 คน แต่ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส แจงเตรียมแผนไว้ 2 ระดับรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ
กองกำลังอิสราเอล ปฏิบัติการรุกรานกาซา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม โดยอ้างว่ามีจุดมุ่งหมายหยุดยั้งกลุ่มฮามาสที่ยิงจรวดข้ามพรมแดนเข้าใส่ดินแดนทางตอนใต้ของพวกเขา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาราว 1,100 รายและบาดเจ็บไม่น้อยกว่า 5,000 คน ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดอิสราเอลยังรุกคืบโจมตีอย่างไม่ลดละแม้มีความพยายามเจรจาหยุดยิงที่ผลักดันโดยนานาชาติ
"ยังไม่มีแรงงานไทยซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยใกล้ฉนวนกาซาประมาณ 3,000 คนได้รับผลกระทบจากการสู้รบดังกล่าว" แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศระบุ "อย่างไรก็ดี สถานเอกอัครราชทูตฯ และสำนักแรงงานไทยประจำอิสราเอลได้ประสานงานกับกระทรวงแรงงานของไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ชะลอการอนุญาตให้แรงงานไทยไปทำงานในเขตพื้นที่เสี่ยงภัยใกล้ฉนวนกาซา เป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะเป็นปกติ"
ขณะเดียวกันสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ออกประกาศโดยเร่งด่วนเกี่ยวกับคำแนะนำการปฎิบัติตัวเมื่อได้ยินสัญญาณเตือนภัยให้แรงงานไทยทุกคนทราบ รวมทั้งได้ประสานงานและกำชับให้บริษัทจัดหางานและนายจ้างอิสราเอลในเขต Eshkol ซึ่งอยู่ใกล้ฉนวนกาซาให้ปฎิบัติตามคำประกาศของทางการอิสราเอลอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอนุญาตให้คนงานหยุดงานและหลบอยู่ในที่พักกรณีถูกโจมตี แถลงการณ์ระบุ
นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้เตรียมแผนอพยพแรงงานไทยไว้โดยแบ่งออกเป็นสองระดับ คือ กรณีที่ความรุนแรงอยู่ในวงจำกัด จะอพยพแรงงานไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย ไปทำงานในเขตอื่นที่ปลอดภัย และกรณีสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะอพยพแรงงานไทยกลับประเทศไทยต่อไป
"ได้ประสานงานกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว รวมทั้งได้จัดหารือกับบริษัทจัดหางาน 7 บริษัทที่ดูแลแรงงานไทยในพื้นที่ฉนวนกาซา เกี่ยวกับการเตรียมการอพยพแรงงานไทย โดยบริษัทจัดหางานจะรับผิดชอบการจัดพาหนะ ที่พัก และหางานให้ทำชั่วคราวหากจำเป็นต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย" กระทรวงการต่างประเทศระบุในแถลงการณ์
