เอเอฟพี - ราคาข้าวมีแนวโน้มว่าจะทะยานขึ้นแรงอีกเป็นปีที่สองติดต่อกันในปี 2009 นี้ ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งชาวนาและผู้บริโภคโดยถ้วนหน้า ทั้งนี้ตามรายงานของสถาบันระหว่างประเทศด้านข้าวชื่อดังเมื่อวันศุกร์(9)
สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ(ไออาร์อาร์ไอ) ที่ตั้งสำนักงานอยู่ในฟิลิปปินส์ กล่าวเตือนในวารสารรายสามเดือนที่ใช้ชื่อว่า "ข้าววันนี้" (Rice Today) ซึ่งออกเผยแพร่วันศุกร์ว่า ภาวะขาดแคลนสินเชื่อทั่วโลกจะทำให้เกษตรกรไม่สามารถซื้อสิ่งของที่จำเป็นอย่างเช่น เมล็ดพันธุ์ และปุ๋ยได้
แต่ในขณะเดียวกัน เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง กลับจะทำให้เกิดความต้องการข้าวเพิ่มขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา เพราะเมื่อคนมีรายได้น้อยลงก็จะต้องหันกลับมากินข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักที่มีราคาถูกที่สุดกันมากขึ้น
เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ราคาข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักของคนครึ่งโลก รวมทั้งประชากรยากจนเกือบ 700 ล้านคนในเอเชีย ได้พุ่งขึ้นแตะระดับ 1,080 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน อันเป็นราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และก่อให้เกิดความวิตกว่าราคาอาหารแพงลิ่วเช่นนี้อาจทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในหลายประเทศ
แต่แล้ว 6 เดือนให้หลัง ราคาข้าวกลับตกลงมาอยู่ที่ 575 ดอลลาร์ต่อตัน เนื่องมาจากผลผลิตที่ได้สูงเป็นประวัติการณ์ รวมทั้งผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกด้วย
อย่างไรก็ตาม ไออาร์อาร์ไอเตือนว่า "ความไม่แน่นอนในผลผลิตของปีนี้ สืบเนื่องจากสภาวะสินเชื่อตึงตัวและราคาข้าวที่ถูกลงอย่างมาก จึงทำให้ชาวนาลดการปลูกข้าว สภาพเช่นนี้เมื่อมาบวกกับด้านที่มีความต้องการบริโภคเพิ่มมากขึ้น ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าราคาข้าวจะสูงขึ้นอีกครั้งหนึ่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และราคาข้าวจะยังคงมีความผันผวนอย่างมาก"
รายงานชี้ว่า ในฝ่ายชาวนาผู้ทำการผลิตนั้น กระทั่งว่าไม่เจอพิษสินเชื่อตึงตัว และมีเงินสดอยู่ในมือ พวกเขาก็ยังรู้สึกย่ำแย่กับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งทรุดฮวบลงอย่างรวดเร็วมากในปีที่แล้ว และ "น่าจะรักษาตัวให้ปลอดภัยไว้ก่อน โดยลดกำลังการผลิตในปี 2009 ลง"
ไออาร์อาร์ไอได้ยกเอากรณีฟิลิปปินส์ ซึ่งรัฐบาลได้ลดประมาณการผลผลิตข้าวของประเทศในฤดูปี 2009 ลงมาเกือบ 4% และรายงานคาดว่า ประเทศผู้ผลิตข้าวรายอื่นๆ ก็น่าจะต้องลดตัวเลขคาดการณ์ผลผลิตทำนองเดียวกันนี้ในเร็ววันนี้
รายงานของไออาร์อาร์ไอชี้ด้วยว่า ถึงแม้ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ผลผลิตข้าวในโลกเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ๆ มาตลอด แต่การเพิ่มดังกล่าวเหล่านี้มีสาเหตุมาจากการขยายพื้นที่ปลูกข้าวเพิ่มขึ้น และเลยกลายเป็นการปิดบังประเด็นปัญหาอันสำคัญๆ อาทิ อัตราผลผลิตข้าวต่อไร่กำลังลดต่ำลง สืบเนื่องจากการลงทุนในภาคการเกษตรมีน้อยลงนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990
นอกจากนั้น ในระยะ 5 ปีของรอบ 7 ปีหลังสุดมานี้ โลกมีการบริโภคข้าวมากกว่าที่ผลิตได้มาโดยตลอด ซึ่งบังคับให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ ต้องนำข้าวที่สำรองไว้ ออกมาจุนเจือชดเชยส่วนที่ยังขาดอยู่ เป็นจำนวนมากขึ้นๆ
รายงานบอกว่า การที่ปริมาณข้าวสำรองกำลังอยู่ในระดับต่ำกว่าครั้งใดๆ ในอดีตเช่นนี้ ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งซึ่งมีส่วนทำให้เกิดความผันผวนทางด้านราคาด้วย
ขณะที่ราคาข้าวเวลานี้ได้ดิ่งลงจากช่วงที่ขึ้นสูงสุดในปี 2008 แล้ว แต่ไออาร์อาร์ไอชี้ว่า ราคาก็ยังถือว่าสูงเมื่อเปรียบเทียบกับระดับของปี 2007 และยังน่าจะสูงเกินไปอยู่นั่นเองสำหรับคนยากจนหลายล้านคน
"หากว่าอัตราผลผลิตต่อไร่ยังคงไม่กระเตื้องขึ้น เราก็สามารถคาดได้ว่า ราคาข้าวจะพุ่งขึ้นเรื่อย ๆ และในอัตราเร่งที่เร็วขึ้นกว่าที่ได้เห็นกันนับตั้งแต่ที่ราคาเริ่มต้นขยับขึ้นในปี 2000"
ไออาร์อาร์ไอย้ำว่า ทางแก้ไขปัญหาคือจะต้องเพิ่มอัตราผลผลิตต่อไร่ ด้วยการลงทุนด้านการวิจัย ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร เพื่อให้ชาวนาสามารถเข้าถึงผลงานวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆที่จะมาช่วยให้พวกเขาผลิตข้าวได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น