เอเอฟพี - ศาลอินโดนีเซียวันนี้ (31) พิพากษาปล่อยตัวอดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งต้องสงสัยบงการฆ่าทนายความนักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนคนสำคัญเมื่อปี 2004
"ไม่สามารถพิสูจน์ทางกฎหมายอย่างชัดเจนว่า มุชดี ปรูโวปรันโยโน อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติของอินโดนีเซีย (บีไอเอ็น) บงการฆ่ามูนีร์ ซาอิด ตาลิบ ด้วยการวางยาพิษในปี 2004" ผู้พิพากษาซูฮาร์โตกล่าว
"มุชดีควรถูกปล่อยตัวทันที"
ขณะที่สุจีวตี ภรรยาหม้ายของมุนีร์กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับคำตัดสินของศาล
"น่าเจ็บปวดมาก คำพิพากษาชี้ให้เห็นว่า คนเลว ๆ เป็นฝ่ายชนะ... เราจะสู้ต่อไป" สุจีวตีบอก "วันนี้เราถอยหลังกลับมาแค่ 1 ก้าว แต่เราจะก้าวหน้าต่ออีก 10 ก้าว เราต้องยืนหยัดต่อสู้เพื่อความยุติธรรม"
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา คณะอัยการอินโดนีเซียเรียกร้องให้ศาลระวางโทษจำคุก 15 ปี อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ โดยกล่าวหาว่า มุชดี บงการฆ่ามูนีร์ ด้วยการวางยาพิษ ระหว่างที่เหยื่อเดินทางจากกรุงจาการ์ตาไปยังกรุงอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ โดยแวะพักที่สิงคโปร์ ด้วยสายการบินการูดาแอร์ไลน์ของอินโดนีเซีย
ที่ผ่านมา มุชดีเป็นนายทหารคนแรกที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาฆาตกรรม
ก่อนหน้านั้น อินดรา ซิเตียวัน ผู้อำนวยการสายการบินการูดาแอร์ไลน์ และกัปตันโพลลิการ์ปุส ปรียันโต ถูกตัดสินจำคุก ฐานสมรู้ร่วมคิดการฆาตกรรมมุนีร์
มุนีร์ ซึ่งเสียชีวิตในวัย 38 ปี เป็นตัวตั้งตัวตีในวิพากษ์วิจารณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนของทหาร ทั้งยังให้คำปรึกษาทางกฎหมายกับเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงของรัฐ ตลอดการปกครองระบอบเผด็จการของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โต
หลังศาลมีคำพิพากษา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของอินโดนีเซีย เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมกฎหมายเพิ่มเติม เพื่อนำฆาตกรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และบอกด้วยว่า "พยานหลายคน เฉพาะอย่างยิ่งในสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติของอินโดนีเซีย พากันถอนตัวออกจากการเป็นพยาน" อิฟดัล คาซิม หัวหน้าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติบอกเอเอฟพี
คดีของมุนีร์ อยู่ในความสนใจของนานาประเทศ และถูกยกเป็นบททดสอบสำคัญ ว่า รัฐบาลอินโดนีเซียปฏิรูปประเทศมาไกลเพียงใดแล้ว นับตั้งแต่การสิ้นสุดระบอบเผด็จการของซูฮาร์โต ในปี 1998
ขณะที่ซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซียคนปัจจุบัน ประกาศจะนำตัวผู้สังหารมูนีร์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้จงได้