เอเอฟพี - แผนกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เตรียมที่จะประกาศออกมาเมื่อเข้ารับตำแหน่งในต้นปีหน้า จะมีมูลค่าระหว่าง 675,000 - 775,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะเน้นที่โครงการซึ่งมีผลระยะยาวไกลด้วย อย่างเช่น ด้านโครงสร้างพื้นฐานและการสร้างงาน ไม่ใช่เพียงแค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งนี้ตามการเปิดเผยของพวกผู้ช่วยคนสำคัญของเขา
ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส ผู้ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งประธานสภาที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาวในคณะรัฐบาลโอบามา กล่าวไว้ในบทบรรณาธิการที่เขาเขียนให้แก่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ฉบับวันอาทิตย์(28)ว่า ปี 2009 น่าจะเป็นปีที่ "ทิศทางอนาคตทางเศรษฐกิจย่ำแย่ที่สุดนับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา" และด้วยเหตุนี้ "เสาหลักสำคัญที่สุด" ในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของโอบามา จึงต้องเป็นการพยายามสร้างตำแหน่งงานขึ้นมาให้ได้ 3 ล้านตำแหน่ง
ขณะที่ เดวิด แอ็กเซลรอด ที่ปรึกษาระดับท็อปอีกคนหนึ่งของโอบามา ก็ให้สัมภาษณ์เครือข่ายโทรทัศน์ซีบีเอสในวันอาทิตย์เช่นกันว่า ตัวเลข 675,000 ถึง 775,000 ล้านดอลลาร์ในแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรัฐบาลชุดใหม่ที่กล่าวถึงกันนี้ ยังไม่ใช่เป็นตัวเลขที่แน่นอนตายตัวแล้ว
ซัมเมอร์ส ผู้เคยเป็นรัฐมนตรีคลังในยุคประธานาธิบดีบิลล์ คลินตัน ยังได้กล่าวสำทับว่า
"ในวิกฤตการณ์เช่นนี้ การทำน้อยเกินไปจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าการทำมากเกินไป"
"ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจใด ๆที่จะถือว่าใช้การได้ในบริบทปัจจุบันนี้ จะต้องมีจุดมุ่งหมายทั้งเพื่อการสร้างตำแหน่งงานที่สนองความต้องการของคนอเมริกัน และก็ทั้งก่อให้เกิดผลงานตามที่เศรษฐกิจของเราต้องการด้วย"
ซัมเมอร์สกล่าวต่อไปว่า โอบามาจะใช้แนวทางแก้ปัญหาซึ่งแตกต่างอย่างมากจากสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช
"บางคนแย้งว่าแทนที่จะพยายามมุ่งให้เกิดทั้งการสร้างงานและก็เป็นการลงทุนกระตุ้นการเติบโตไปด้วย เราควรจะเน้นแค่นโยบายระยะสั้นในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนจะดีกว่า" ซัมเมอร์สบอก โดยเห็นชัดว่าเขาหมายถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของบุช อาทิ การคืนภาษีเป็นเงินสดให้แก่ครัวเรือนผู้เสียภาษีทั้งหลาย
"แต่วิธีการดังกล่าวได้นำมาซึ่งปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และเป็นวิธีการที่เราจะต้องไม่ทำ หากว่าเราต้องการจะให้ชนชั้นกลางและเศรษฐกิจของเราแข็งแกร่งในระยะยาว" ซัมเมอร์สชี้
ก่อนหน้านี้ ว่าที่รองประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน ได้กล่าวในสัปดาห์ที่แล้วว่า รัฐบาลของโอบามาและผู้นำรัฐสภาต่างก็ "ใกล้มากแล้ว" ที่ทำความตกลงกันได้เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ที่ทีมของโอบามาหวังว่าจะสามารถประกาศใช้ได้โดยเร็ว หลังโอบาม่าสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
แอ็กเซลร็อดก็พูดย้ำอีกในวันอาทิตย์ว่า ประชาชนอเมริกันไม่สามารถรอคอยให้เนิ่นนานออกไปได้ เพราะ "ประชาชนกำลังทุกข์ทน เศรษฐกิจกำลังดิ่งลง และเราต้องเดินหน้าทันที ดังนั้นสารที่เราส่งถึงรัฐสภาก็คืออนุมัติให้เร็วที่สุด"
ผู้ช่วยคนสำคัญของโอบามาผู้นี้กล่าวด้วยว่า ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำยิ่งทำให้ต้องรีบแก้ไขนโยบายของบุชที่มุ่งลดภาษีให้คนร่ำรวย แต่ขณะเดียวกันจะไม่ขัดขวางไม่ให้คณะรัฐบาลโอบามาในอนาคต หันมาลดภาษีสำหรับชนชั้นกลาง
เขายืนยันว่า การยกเลิกมาตรการลดภาษีที่ประกาศใช้ในยุคของบุช ไม่ได้หมายความว่าโอบามาจะต้องขึ้นภาษี
แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของโอบามา "จะเท่ากับการลดภาษีสุทธิสำหรับคนอเมริกันทุกคน" เขากล่าว "เราคิดว่ามันจำเป็นที่ชนชั้นกลางจะได้รับการลดหย่อนภาษีในตอนนี้"
ส่วนเรื่องการสร้างงาน "เรากำลังหารือกันเรื่องลงทุนในโครงการพลังงานทางเลือก ซึ่งจะช่วยให้เราต้องพึ่งพาต่างประเทศด้านพลังงานลดน้อยลง เรากำลังหารือเรื่องการเสริมสร้างโรงเรียนให้ทันสมัยสู่คริสต์ศตวรรษที่ 21 โดยจะมีทั้งห้องแล็บและห้องสมุดที่ให้เด็กได้ค้นคว้าและสามารถแข่งขันกับคนประเทศอื่นได้" แอ็กเซลร็อดกล่าว
เกี่ยวกับประเด็นเรื่องการสร้างงานนี้ ซัมเมอร์สพูดขยายความในอีกมุมหนึ่งว่า ในจำนวนตำแหน่งงาน 3 ล้านตำแหน่งที่โอบามาวางเป้าหมายสร้างขึ้นมานั้น ราว 80% จะ "อยู่ในภาคเอกชน รวมทั้งภาคที่กำลังจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้น อย่างเช่น เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ" ซึ่งซัมเมอร์บอกว่ามันเป็นเป้าหมายที่ห้าวหาญอย่างยิ่งด้วย
ลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส ผู้ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งประธานสภาที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาวในคณะรัฐบาลโอบามา กล่าวไว้ในบทบรรณาธิการที่เขาเขียนให้แก่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ฉบับวันอาทิตย์(28)ว่า ปี 2009 น่าจะเป็นปีที่ "ทิศทางอนาคตทางเศรษฐกิจย่ำแย่ที่สุดนับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา" และด้วยเหตุนี้ "เสาหลักสำคัญที่สุด" ในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของโอบามา จึงต้องเป็นการพยายามสร้างตำแหน่งงานขึ้นมาให้ได้ 3 ล้านตำแหน่ง
ขณะที่ เดวิด แอ็กเซลรอด ที่ปรึกษาระดับท็อปอีกคนหนึ่งของโอบามา ก็ให้สัมภาษณ์เครือข่ายโทรทัศน์ซีบีเอสในวันอาทิตย์เช่นกันว่า ตัวเลข 675,000 ถึง 775,000 ล้านดอลลาร์ในแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรัฐบาลชุดใหม่ที่กล่าวถึงกันนี้ ยังไม่ใช่เป็นตัวเลขที่แน่นอนตายตัวแล้ว
ซัมเมอร์ส ผู้เคยเป็นรัฐมนตรีคลังในยุคประธานาธิบดีบิลล์ คลินตัน ยังได้กล่าวสำทับว่า
"ในวิกฤตการณ์เช่นนี้ การทำน้อยเกินไปจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าการทำมากเกินไป"
"ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจใด ๆที่จะถือว่าใช้การได้ในบริบทปัจจุบันนี้ จะต้องมีจุดมุ่งหมายทั้งเพื่อการสร้างตำแหน่งงานที่สนองความต้องการของคนอเมริกัน และก็ทั้งก่อให้เกิดผลงานตามที่เศรษฐกิจของเราต้องการด้วย"
ซัมเมอร์สกล่าวต่อไปว่า โอบามาจะใช้แนวทางแก้ปัญหาซึ่งแตกต่างอย่างมากจากสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช
"บางคนแย้งว่าแทนที่จะพยายามมุ่งให้เกิดทั้งการสร้างงานและก็เป็นการลงทุนกระตุ้นการเติบโตไปด้วย เราควรจะเน้นแค่นโยบายระยะสั้นในการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนจะดีกว่า" ซัมเมอร์สบอก โดยเห็นชัดว่าเขาหมายถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของบุช อาทิ การคืนภาษีเป็นเงินสดให้แก่ครัวเรือนผู้เสียภาษีทั้งหลาย
"แต่วิธีการดังกล่าวได้นำมาซึ่งปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และเป็นวิธีการที่เราจะต้องไม่ทำ หากว่าเราต้องการจะให้ชนชั้นกลางและเศรษฐกิจของเราแข็งแกร่งในระยะยาว" ซัมเมอร์สชี้
ก่อนหน้านี้ ว่าที่รองประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน ได้กล่าวในสัปดาห์ที่แล้วว่า รัฐบาลของโอบามาและผู้นำรัฐสภาต่างก็ "ใกล้มากแล้ว" ที่ทำความตกลงกันได้เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ที่ทีมของโอบามาหวังว่าจะสามารถประกาศใช้ได้โดยเร็ว หลังโอบาม่าสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
แอ็กเซลร็อดก็พูดย้ำอีกในวันอาทิตย์ว่า ประชาชนอเมริกันไม่สามารถรอคอยให้เนิ่นนานออกไปได้ เพราะ "ประชาชนกำลังทุกข์ทน เศรษฐกิจกำลังดิ่งลง และเราต้องเดินหน้าทันที ดังนั้นสารที่เราส่งถึงรัฐสภาก็คืออนุมัติให้เร็วที่สุด"
ผู้ช่วยคนสำคัญของโอบามาผู้นี้กล่าวด้วยว่า ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำยิ่งทำให้ต้องรีบแก้ไขนโยบายของบุชที่มุ่งลดภาษีให้คนร่ำรวย แต่ขณะเดียวกันจะไม่ขัดขวางไม่ให้คณะรัฐบาลโอบามาในอนาคต หันมาลดภาษีสำหรับชนชั้นกลาง
เขายืนยันว่า การยกเลิกมาตรการลดภาษีที่ประกาศใช้ในยุคของบุช ไม่ได้หมายความว่าโอบามาจะต้องขึ้นภาษี
แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของโอบามา "จะเท่ากับการลดภาษีสุทธิสำหรับคนอเมริกันทุกคน" เขากล่าว "เราคิดว่ามันจำเป็นที่ชนชั้นกลางจะได้รับการลดหย่อนภาษีในตอนนี้"
ส่วนเรื่องการสร้างงาน "เรากำลังหารือกันเรื่องลงทุนในโครงการพลังงานทางเลือก ซึ่งจะช่วยให้เราต้องพึ่งพาต่างประเทศด้านพลังงานลดน้อยลง เรากำลังหารือเรื่องการเสริมสร้างโรงเรียนให้ทันสมัยสู่คริสต์ศตวรรษที่ 21 โดยจะมีทั้งห้องแล็บและห้องสมุดที่ให้เด็กได้ค้นคว้าและสามารถแข่งขันกับคนประเทศอื่นได้" แอ็กเซลร็อดกล่าว
เกี่ยวกับประเด็นเรื่องการสร้างงานนี้ ซัมเมอร์สพูดขยายความในอีกมุมหนึ่งว่า ในจำนวนตำแหน่งงาน 3 ล้านตำแหน่งที่โอบามาวางเป้าหมายสร้างขึ้นมานั้น ราว 80% จะ "อยู่ในภาคเอกชน รวมทั้งภาคที่กำลังจะมีความสำคัญเพิ่มขึ้น อย่างเช่น เทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ" ซึ่งซัมเมอร์บอกว่ามันเป็นเป้าหมายที่ห้าวหาญอย่างยิ่งด้วย
