ซีเอ็นเอ็น - หญิงสาวชาวอิหร่านผู้หนึ่ง ซึ่งถูกชายที่มาติดพันด้วย สาดน้ำกรดใส่หน้าจนตาบอด วอนศาลลงโทษผู้ทำความผิดให้ตาบอดด้วยน้ำกรดตกตามกัน ภายใต้กฎหมายอิสลามแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
อามีนะห์ บาห์รามี ปฏิเสธ “เงินเปื้อนเลือด” จากคู่กรณี เธอยืนกรานว่า ผู้กระทำความผิดสมควรเผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกันเธอ “เพื่อคนอื่นๆ เช่นชายผู้นี้ จะสำนึก ว่า พวกเขาไม่มีสิทธิจะสาดน้ำกรดใส่หน้าผู้หญิง” ผู้เสียหายกล่าวกับศาลกรุงเตหะราน
ผู้กระทำความผิด ซึ่งถูกระบุชื่อในสำนวนคดีว่า มายิด วัย 27 ปี สารภาพว่า สาดน้ำกรดใส่เหยื่อเมื่อปี 2004 จนทำให้เธอตาบอดและเสียโฉม เขาอ้างว่า รักเธอมากและฝ่ายหญิงก็รักเขาเช่นกัน
มายิด มีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำตัดสินของศาลภายในต้นสัปดาห์นี้
แพทย์หลายคน กล่าวว่า ไม่มีโอกาสที่ บาห์รา มีกลับมามองเห็นอีก แม้จะเข้ารับผ่าตัดมาหลายครั้ง ควบคู่กับการรักษาพยาบาลที่ประเทศสเปน โดย มูฮัมมัด คอตอมี อดีตประธานาธิบดีในขณะนั้น ช่วยออกเงินค่ารักษาพยาบาลบางส่วนให้เหยื่อด้วย
มายิด กล่าวว่า ยังคงตั้งใจจะแต่งงานกับบาห์รามี ขณะที่ฝ่ายหญิงตอบปฏิเสธ พร้อมเรียกร้องให้ควบคุมตัวผู้กระทำความผิดต่อไป
“ฉันไม่ต้องการเงินเปื้อนเลือดจากผู้กระทำความผิด ซึ่งยังคงจ้องจะทำลายฉัน และต้องการควักลูกตาของฉันออก” เธอกล่าวกับศาล “เขาเสแสร้งทำเหมือนรักฉันได้อย่างไร? เพราะหากเขาถูกปล่อยตัว เขาต้องฆ่าฉันอย่างแน่นอน”
ฝ่ายหญิงให้การกับศาล ว่า มารดาของ มายิด พยายามครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อจับทั้งสองคนแต่งงาน หลังจากเขาและเธอพบกันที่มหาวิทยาลัย
เธอหลอกว่า เธอแต่งงานกับคนอื่นแล้ว เพราะ “คิดว่าเป็นการดีสำหรับคนรอบข้าง หากเขาจะไม่มาข้องเกี่ยวกับเธออีก”
ผู้เสียหายเล่าวว่า ครั้งหนึ่ง มายิด เคยขู่ว่าจะเผาเธอ เธอจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ กล่าวว่า ยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ จนกว่าจะมีการกระทำความผิด
2 วันถัดมา ซึ่งตรงกับวันที่ 2 พฤศจิกายนปี 2004 ระหว่างเดินทางกลับบ้าน บาห์รา มีรู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม เธอจึงชะลอและหยุดให้คนๆ นั้นเดินผ่านไป
“เมื่อชายคนนั้นขยับเข้ามาใกล้ๆ ฉันรู้ทันทีว่า เขาคือมายิด” บาห์รามี กล่าว “ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่ววินาที เขาถือขวดสีแดงๆ ในมือ เขาจ้องตาฉันชั่วครู่ จากนั้นก็เทน้ำกรดใส่หน้า”
ผู้สัญจรบริเวณนั้น ช่วยกันนำน้ำสะอาดมาล้างหน้าให้เธอ ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาล
คณะผู้พิพากษา 3 คน ลงมติอย่างเอกฉันท์ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ว่า มายิดสมควรถูกทำให้ตาบอดด้วยน้ำกรด และต้องจ่ายค่าชดเชยการบาดเจ็บที่ใบหน้า, มือ และร่างกายของเหยื่อ ซึ่งตรงตามที่เธอร้องขอต่อศาล อย่างไรก็ตาม บาห์รามี ปฏิเสธจะทำให้ใบหน้าของชายคนดังกล่าวเสียโฉม
“แน่นอน เพียงแค่ทำให้เขาตาบอดเท่านั้น เพราะฉันทำอย่างที่เขาไม่ได้ อย่างการสาดน้ำกรดใส่หน้า” บาห์รามี กล่าว “เพราะนั้นเป็นการกระทำป่าเถื่อนและทารุณ เพียงแค่ทำให้เขามองไม่เห็นเพื่อเขาจะเหมือนกับฉัน”
ทั้งนี้ อิหร่าน และ ซาอุดีอาระเบีย เป็นเพียง 2 ประเทศเท่านั้นที่ยึดหลักการลงโทษแบบตาต่อตาฟันต่อฟันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย