เอเจนซี - เบอร์นาร์ด แมดอฟฟ์ อดีตประธานตลาดหลักทรัพย์แนสแดค ผู้ได้รับการยกย่องอยู่ในระดับคนสำคัญคนหนึ่งแห่งวอลสตรีทมาหลายสิบปี ถูกเอฟบีไอจับกุมเมื่อวันพฤหัสบดี(11) ในข้อหาหลอกลวงเอาเงินของนักลงทุนไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน่าจะติดอันดับต้นๆ ของคดีฉ้อโกงที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
นอกจากการเป็นอดีตประธานตลาดหลักทรัพย์แนสแดคที่โด่งดังเรื่องหุ้นภาคเทคโนโลยีของสหรัฐฯแล้ว แมดอฟฟ์ยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะที่เป็นผู้ก่อตั้ง เบอร์นาร์ด แมดอฟฟ์ อินเวสเมนท์ ซีเคียวริตี้ส์ ซึ่งเป็นบริษัทมาร์เก็ตเมกเกอร์ที่เริ่มดำเนินกิจการเมื่อปี 1960 เขาถูกกล่าวหาโดยอัยการของสหรัฐฯในวันพฤหัสบดีว่า เป็นผู้ดำเนินการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ซึ่งโกงเอาเงินของนักลงทุนไปถึง 50,000 ล้านดอลลาร์
ตัวแมดอฟฟ์กล่าวกับพวกพนักงานอาวุโสของบริษัทของเขาเมื่อวันพุธ(10)ว่า "ทุกอย่างเป็นคำโกหกล้วน ๆ" และ "โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นการเล่นแชร์ลูกโซ่ขนาดยักษ์" ซึ่งคาดว่าจะทำให้นักลงทุนขาดทุนเป็นเงินถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ตามเนื้อหาในคำร้องกล่าวโทษทางอาญาของอัยการสหรัฐฯ
แชร์ลูกโซ่ (Ponzi scheme) คือการลงทุนที่บอกว่าผู้ลงทุนจะได้ผลตอบแทนสูง แต่ความจริงแล้วเป็นนำเอาเงินของนักลงทุนใหม่ ๆมาจ่ายให้แก่นักลงทุนเดิมเท่านั้น
จากนั้นในวันพฤหัสบดี นักสืบสองคนของสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ(เอฟบีไอ) ก็ได้เข้าไปยังอพาร์ทเมนท์ของแมดอฟฟ์ที่นิวยอร์ก
ในคำร้องกล่าวโทษระบุว่า แมดอฟฟ์กล่าวกับนักสืบสองคนว่า เขา"ไม่มีคำอธิบายที่บ่งบอกความบริสุทธิ์" และเขายังกล่าวอีกว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเขา เพราะเขา"จ่ายเงินให้นักลงทุนด้วยเงินที่ไม่มีอยู่จริง"
ด้วยจำนวนเงินที่เสียหายถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้คดีนี้เป็นการฉ้อฉลขนาดใหญ่ที่สุดคดีหนึ่งในสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะเป็นรองแต่เพียงเอ็นรอน บริษัทค้าตราสารพลังงานยักษ์ใหญ่ที่ล้มละลายในปี 2001 โดยเอนรอนมีสินทรัพย์ทั้งหมดเป็นมูลค่าถึง 63,400 ล้านดอลลาร์
คณะอัยการสหรัฐฯตั้งข้อหาแมดอฟฟ์ในวัย 70 ปีเพียงข้อหาเดียว คือ ฉ้อโกงด้านหลักทรัพย์ ซึ่งโทษสูงสุดคือจำคุก 20 ปีและปรับเป็นเงินสูงสุด 5 ล้านดอลลาร์
นอกจากนั้น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(เอสอีซี) ก็ได้ยืนฟ้องแพ่งต่อแมดอฟฟ์ต่างหากด้วย
"คำร้องกล่าวโทษของเรากล่าวหาเขาว่าฉ้อโกงเป็นจำนวนเงินมหาศาลและดำเนินมาเป็นระยะเวลายาวนาน" สกอตต์ ฟรายสตัด รองผู้อำนวยการฝ่ายบังคับใช้กฏหมายของเอสอีซีกล่าว "เรากำลังลงมืออย่างรวดเร็วเพื่อยุติการหลอกลวงดังกล่าว และคุ้มครองสินทรัพย์ที่ยังคงเหลืออยู่ของนักลงทุน"
แดน ฮอร์วิทซ์ ซึ่งเป็นทนายของแมดอฟฟ์กล่าวว่า "แมดอฟฟ์นั้นเป็นผู้นำที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมการเงินของสหรัฐฯ เราจะต่อสู้เพื่อให้สถานการณ์อันโชคร้ายนี้ผ่านพ้น"
ส่วนแมดอฟฟ์ซึ่งตัวสั่นตลอดเวลา ไม่ยอมเงยหน้ามองใครเลยในขณะที่นักข่าวพยายามถามคำถามต่าง ๆ เขาถูกปล่อยตัวออกมาหลังจากประกันตัวด้วยพันธบัตรสิบล้านดอลลาร์ ซึ่งค้ำประกันโดยอพาร์ทเมนท์ของเขาในแมนฮัตตัน
พวกเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ อ้างถึงเอกสารที่แมดอฟฟ์ส่งเข้ามารายงานเอสอีซีเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2008 ว่าธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนของแมดอฟฟ์นั้นมีลูกค้าระหว่าง 11-25 ราย และมีทรัพย์สินภายใต้การดูแลทั้งหมด 17,100 ล้านดอลลาร์ และลูกค้าเหล่านั้นอาจจะรวมถึงกองทุนต่างๆที่มีนักลงทุนเป็นจำนวนมาก
เอสอีซีกล่าวว่าดูเหมือนว่าสินทรัพย์ต่าง ๆในธุรกิจกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของเขากำลังหายไปหมด
นักลงทุนผู้หนึ่งในกองทุนเฮดจ์ฟันด์กล่าวว่า กองทุนได้จ่ายผลตอบแทนให้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อดีของกองทุนนี้ที่ดึงดูดพวกเขาให้มาลงทุน นับตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา กองทุนนี้จ่ายผลตอบแทนในราว 8% หรืออยู่ในช่วงระหว่าง 7.3% ถึง 9% แต่นักลงทุนกล่าวว่าผลตอบแทนในช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมานั้นให้อยู่เกิน 10% ไปเล็กน้อย
จอน นาจาเรียน คนที่คุ้นเคยของแมดอฟฟ์ซึ่งลงทุนกับกองทุนนี้เป็นเวลานานหลายทศวรรษมาแล้วกล่าวว่า "พวกเราหลายคนก็มีความสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเขาใช้ยุทธศาสตร์การลงทุนอย่างไรจึงสามารถให้ผลตอบแทนขนาดนั้นได้อย่างต่อเนื่องเช่นนี้"
นาจาเรียนเป็นผู้ก่อตั้ง ออพชั่นมอนสเตอร์ ดอทคอม ซึ่งครั้งหนึ่งเคยพยายามที่จะซื้อตลาดหลักทรัพย์ซินซินเนติ เมื่อครั้งที่แมดอฟฟ์ยังคงเป็นหนึ่งในกรรมการของตลาดหลักทรัพย์แห่งนี้ และเขาเองเป็นผู้ที่ปฏิเสธมิให้นาจาเรียนเข้าซื้อหุ้นของตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าว
"เขาดูเหมือนเป็นคนตรงไปตรงมา ผมช็อกมากกับข่าวที่ออกมา" นาจาเรียนกล่าว