เอเจนซี - โซนี่ คอร์ป แห่งญี่ปุ่น ประกาศวันอังคาร(9) จะลดพนักงานราว 8,000 คน, ชะลอแผนการลงทุน, รวมทั้งถอนตัวจากธุรกิจหลากหลาย เพื่อลดค่าใช้จ่ายประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่วิกฤตทางการเงินและเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก กำลังส่งผลกระทบ ลดความต้องการในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทลงอย่างฮวบฮาบ
การลดพนักงานลง 8,000 ตำแหน่งหรือเท่ากับ 4% ของแรงงานทั้งหมด ทำให้โซนี่เป็นบริษัทเอเชียที่มีลดคนงานมากที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกระลอกนี้สำแดงอิทธิฤทธิ์ นอกจากนี้การเคลื่อนไหวปรับโครงสร้างองค์กร ยังเป็นการเน้นให้เห็นว่าโซนี่กำลังเผชิญความท้าทายอย่างใหญ่หลวง หลังจากที่ถูกไอพ่อดของแอปเปิ้ลตีตลาดอุปกรณ์ฟังเพลงแบบพกพาเสียกระจุย รวมทั้งยอดขายโทรทัศน์จอแบนก็ไม่กระเตื้องขึ้นเท่าที่ควร
นักวิเคราะห์สงสัยว่าการลดคนงานเท่านี้จะพอหรือไม่สำหรับโซนี่ ซึ่งมีพนักงานอยู่ทั้งหมด 186,000 คนทั่วโลก และมีธุรกิจหลากหลายตั้งแต่การสร้างภาพยนตร์ไปจนถึงวิดีโอเกมส์
"ตัวเลขที่ประกาศมาแม้จะดูมาก แต่การลดพนักงานเพียงอย่างเดียวก็คงไม่พอ เพราะตอนนี้โซนี่ไม่ได้มีธุรกิจหลักที่สร้างกำไรได้อย่างมั่นคงอีกต่อไปแล้ว" คัตซุฮิโกะ โมระ ผู้จัดการกองทุนที่ไดวะ เอสบี อินเวสเมนท์กล่าว
"หลังจากลดพนักงานลง ขั้นต่อไปที่เราอยากจะเห็นก็คือการปรับโครงสร้างให้มีธุรกิจที่จะเป็นกลไกหลักฉุดให้บริษัทเติบโต"
หุ้นของโซนี่ร่วงลงมาราว 70% แล้วในปีนี้ แต่ก่อนหน้าการประกาศลดพนักงาน หุ้นก็ดีดขึ้น และปิดวานนี้ในตลาดโตเกียวโดยสูงขึ้น 3.9% มาอยู่ที่ 1,896 เยนต่อหุ้น
การที่ยังต้องปรับโครงสร้างองค์กรกันอีกในคราวนี้ ดูเหมือนจะเป็นการก้าวถอยหลังสำหรับซีอีโอ ฮาวเวิร์ด สติงเกอร์ซึ่งได้เคยปรับองค์กรครั้งใหญ่มาแล้วในขณะที่เข้ารับตำแหน่งในปี 2005 และเพียงไม่นานมานี้เอง ยังเห็นกันว่าเขาสามารถทำให้บริษัทยักษ์เจ้าของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และบันเทิงอันหลายหลากแห่งนี้ กลับมาแข็งแกร่งได้แล้ว
โซนี่ก็เหมือนกับคู่แข่งอย่าง ซัมซุง, พานาโซนิก ตลอดจนพวกบริษัทค้าปลีกต่าง ๆ ที่มียอดขายไม่ดีนักในช่วงเทศกาลสิ้นปีนี้ อันเป็นผลพวงมาจากวิกฤตการเงินที่ขยายตัวขึ้นจนกลายทำให้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ, หลายส่วนของยุโรป, และญี่ปุ่นเองด้วย
ค่าเงินเยนที่พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ก็เป็นแรงกดดันอีกประการที่ทำให้สินค้าของโซนี่รวมทั้งผู้ผลิตอื่น ๆของญี่ปุ่นขายได้ลดลง เพราะสินค้าที่ญี่ปุ่นส่งออกไปจะมีราคาแพงขึ้น และสามารถแข่งขันได้น้อยลงในตลาดอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าระหว่างประเทศ ซึ่งผู้บริโภคมักจะใช้ราคาเป็นตัวตัดสินว่าจะซื้อสินค้าหรือไม่
ผลิตภัณฑ์หลักของโซนี่อย่างเช่น ทีวีจอแบนบราเวีย เครื่องเล่นเกมเพลย์สเตชั่น 3 ไม่สามารถขายได้ตรงตามเป้าหมายที่วางไว้ จนทำให้โซนี่ต้องออกมาแถลงในเดือนตุลาคมว่าน่าจะมีกำไรลดลงมากกว่าครึ่งของที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ รวมทั้งอาจจะต้องปิดโรงงานบางแห่ง ตลอดจนต้องลดรายจ่ายและปลดคนงานด้วย และในวันนี้โซนี่ก็ต้องทำอย่างที่บอกไว้จริง ๆ
ฮิโรอากิ โอสะกาเบะ ผู้จัดการกองทุนของชิบากิน แอสเส็ท แมเนจเมนท์กล่าวว่าการปรับโครงสร้างจะไม่ช่วยกระตุ้นให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้น
"แผนการที่ประกาศออกมาไม่ได้มีอะไรใหม่ ไม่มีการกล่าวถึงว่าอะไรจะมาเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ทำรายได้ให้โซนี่ต่อไป หรือแผนการเติบโตในอนาคต ตลาดได้คาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าโซนี่จะทำแบบนี้ ดังนั้นมันก็ไม่มีผลต่อการกระตุ้นราคาหุ้นแต่อย่างใด" เขากล่าว
ในการประกาศเมื่อวานนี้ โซนี่กล่าวว่าจะชะลอแผนเพิ่มกำลังการผลิตจอทีวีแอลซีดีในสโลวาเกียออกไป, นำเอาเซ็นเซอร์กึ่งตัวนำให้คนนอกผลิต, รวมทั้งลดจำนวนโรงงานลงไป 10% จากตอนนี้ที่มีอยู่ 57 แห่งทั่วโลก
นอกจากนี้ก็ยังตั้งเป้าหมายว่าในปีการเงินหน้า (เมย.2009 - มีค.2010)จะลดการลงทุนในธุรกิจอิล็กทรอนิกส์ลง 30% เมื่อเทียบกับแผนธุรกิจปีการเงินนี้