บอสตัน โกลบ – ยอดกองทุนเงินบริจาคของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ลดลงกว่า 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือลดลงถึงร้อยละ 22 ในเวลาเพียงแค่สี่เดือน ชี้ ลดลงมากที่สุดในยุคประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของมหาวิทยาลัย
เมื่อวันอังคาร (2 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ผู้บริหารมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงอันดับหนึ่งของโลก และ ร่ำรวยที่สุดในโลก ได้เผยแพร่รายงานว่า ทางมหาวิทยาลัยได้สูญเสียเงินในกองทุนเงินบริจาคกว่า 8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา โดยยอดเงินลดลงจาก 36,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนปีนี้ เหลือประมาณ 28,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
สำหรับรายงานดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยนิตยสารฮาร์วาร์ด และ หนังสือพิมพ์ฮาร์วาร์ด คริมสัน หนังสือพิมพ์รายวันที่ทำโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเนื้อหาตอนหนึ่งที่อธิการบดี ดริว เฟาซท์ และรองอธิการบดี เอ็ดเวิร์ด ซี ฟอร์สท์ สรุปถึงผลกระทบของเรื่องดังกล่าวไว้ว่า
“การจะระบุขนาดความเสียหายดังกล่าวไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ อย่างน้อยก็ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา เมื่อปี 2517 (ค.ศ.1974) ผลตอบแทนจากเงินกองทุนของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเคยลดต่ำที่สุดภายในระยะเวลาหนึ่งปีก็เพียงแค่ลดลงร้อยละ 12.2 โดยในช่วงดังกล่าวเงินกองทุนของเราอยู่ในระดับต่ำกว่าหนึ่งพันล้านหรียญสหรัฐฯ และ เงินกองทุนก็มีความสำคัญต่อการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยน้อยกว่านี้มาก” ข้อความในจดหมายจากอธิการบดี ระบุ
ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยชื่อดังในสหรัฐฯ จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ฮาร์วาร์ด เอ็มไอที ดาร์ทมัธ มหาวิทยาลัยบอสตัน เป็นต้น ต่างประกาศหยุดการจ้างงานใหม่ และลดงบประมาณลง เพื่อตอบสนองต่อสภาวะที่เงินกองทุนลดต่ำลง เนื่องจากหลายสถาบันต้องอาศัยรายได้จากกองทุนเงินบริจาคเพื่อจุนเจือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งในการดำเนินการของมหาวิทยาลัย โดยในกรณีของฮาร์วาร์ดนั้น ค่าใช้จ่ายร้อยละ 35 ได้เงินมาจากกองทุนเงินบริจาค
ทั้งนี้ โดยปกติแล้วการเผยแพร่รายงานยอดเงินบริจาคของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดนั้น จะทำเพียงปีละครั้งเท่านั้น แต่การเปิดเผยเรื่องดังกล่าวออกมาในวันอังคารที่ผ่านมาถือว่าเป็นเรื่องไม่ปกตินัก
ด้าน จอห์น ลองเบรก โฆษกของมหาวิทยาลัยอธิบายถึงเรื่องดังกล่าว ว่า “ท่านอธิการบดีเพียงต้องการบอกกล่าวกับบรรดาคณบดีต่างๆ โดยตรงเท่านั้น ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตและเป็นสภาวะที่พิเศษมาก ท่านอธิการบดีรู้สึกว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องอัพเดตสถานะของเงินกองทุนของมหาวิทยาลัย และ บอกกล่าวยุทธศาสตร์ทางด้านการเงินของมหาวิทยาลัยเพื่อช่วยเหลือพวกเขาในการวางแผน”