เอเจนซี/เอเอฟพี - สถานการณ์ในเมืองมุมไบ เข้าสู่ความสงบเมื่อวานนี้ (30 พ.ย.) หลังเหตุการณ์โจมตีโรงแรมและสถานที่สำคัญๆ ซึ่งยืดเยื้อนานถึง 3 วัน และมีผู้เสียชีวิตร่วม 200 คน ได้ยุติลง อย่างไรก็ตาม ผลต่อเนื่องของกรณีนี้กลับยังคงร้อนระอุเพิ่มขึ้นอีก โดยอินเดียระบุว่า ปากีสถานมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย พร้อมกันนั้น พวกผู้รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงของแดนภารตะตั้งแต่รัฐมนตรีมหาดไทยลงมา ต่างยื่นใบลาออกหรือไม่ก็ถูกปลดออก
รัฐบาลอินเดีย แจ้งว่า กำลังเพิ่มมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้ขึ้นสู่ “ระดับสงคราม” นอกจากนั้น ฝ่ายตนยังมีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าปากีสถานมีส่วนพัวพันกับการโจมตีของผู้ก่อการร้ายเหล่านี้
ทางด้านเจ้าหน้าที่ปากีสถานในกรุงอิสลามาบัด ได้ตอบโต้ฝ่ายอินเดีย โดยเตือนว่า การเพิ่มระดับการประจันหน้ากัน อาจบังคับให้ปากีสถานต้องโยกทหารมายังชายแดนติดอินเดีย จากที่กำลังเข้าต่อสู้ในยุทธการปราบปรามพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรงในพื้นที่พรมแดนติดอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามต่อสู้การก่อการร้ายที่มีสหรัฐฯเป็นผู้นำ
ขณะที่ในอินเดียเอง หนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ ในแดนภารตะ ต่างวิพากษ์วิจารณ์โจมตีพวกนักการเมืองที่ประสบความล้มเหลวในการป้องกันการก่อการร้าย และยังฉวยโอกาสจากเหตุวิกฤตมาเคลื่อนไหวแบบมุ่งเรียกคะแนนเสียง ก่อนจะมีการเลือกตั้งในเดลีในวันเสาร์(6) ที่จะถึงนี้ รวมทั้งการเลือกตั้งระดับชาติที่จะต้องจัดขึ้นภายในเดือนพฤษภาคมปีหน้า
ล่าสุด หลังจากถูกประชาชนวิจารณ์อย่างเกรี้ยวกราด ว่า การข่าวของรัฐบาลบกพร่องล้มเหลว รวมทั้งการรับมือกับความรุนแรงก็เชื่องช้าเต็มที รัฐบาลก็ประกาศโยกย้าย รัฐมนตรีคลัง ปาลานีอัปปัน ชิดัมบาราม ไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทย และตัวนายกรัฐมนตรี มานโมหัน ซิงห์ จะนั่งเก้าอี้ขุนคลังของประเทศอีกตำแหน่งหนึ่ง
สำหรับ ศิวราช ปาติล รัฐมนตรีมหาดไทยคนเดิมนั้น ก่อนหน้านี้ ทางพรรคร่วมรัฐบาลให้ข่าวว่า ได้ยื่นใบลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความบกพร่องที่เกิดขึ้น แต่ก็มีแหล่งข่าวรัฐบาลหลายราย บอกว่า เขาถูกปลดจากตำแหน่งพร้อมๆ กับผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองในประเทศ และผู้บัญชาการกองกำลังยามฝั่ง
นอกจากนั้น โทรทัศน์ อินเดียนทีวี รายงานว่า เอ็ม.เค.นารายานัน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลสูง ก็ได้ยื่นใบลาออกแล้วเช่นกัน
ในส่วนการพัวพันของปากีสถานกับเหตุก่อการร้ายคราวนี้ พวกเจ้าหน้าที่หลายรายระบุว่า กลุ่มอิสลามิสต์ทั้ง 10 คน หรือเกือบทั้งหมดที่เข้าโจมตีเมืองมุมไบ ซึ่งใช้ปืนไรเฟิลจู่โจมและระเบิดมือเป็นอาวุธนั้น เป็นพวกที่มาจากปากีสถาน
“เราจะเพิ่มระดับการรักษาความมั่นคงปลอดภัย โดยยกระดับขึ้นเป็นภาวะสงคราม ซึ่งเราไม่เคยใช้ก่อนหน้านี้” ศรีประกาศ ชัยสวาล รัฐมนตรีช่วยดูแลกิจการมหาดไทย ระบุ
ด้านเจ้าหน้าที่ปากีสถาน กล่าวว่า สถานการณ์ในวันหรือสองวันข้างหน้านี้จะสำคัญยิ่งต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ และปากีสถานก็ได้ประณามการโจมตีมุมไบ รวมทั้งปฏิเสธว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
นายกรัฐมนตรี ยูซาฟ ราซา กิลานี แห่งปากีสถาน ยังได้โทรศัพท์แจ้งให้นักการเมืองฝ่ายค้านรับทราบสถานการณ์ทั้งหมดในวันเสาร์ และขอการสนับสนุนจากผู้นำการเมืองเหล่านั้น ส่วนประธานาธิบดี อาซิฟ อาลี ซาร์ดารี แห่งปากีสถาน กล่าวว่า เขาจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนหากพบหลักฐานว่าปากีสถานมีส่วนเกี่ยวข้อง
**ล้างรอยเลือด**
การที่นครมุมไบถูกโจมตีอยู่นานถึง 3 วัน ได้ทำให้ศูนย์กลางการเงินและการท่องเที่ยวสำคัญของอินเดียแห่งนี้ กลายสภาพเป็นเขตสงครามไป เมื่อวานนี้ที่ด้านนอกของ คาเฟ่ ลีโอโปลด์ยังคงมีกลิ่นรุนแรงของน้ำยาฆ่าเชื้อ ส่วนบริเวณทางเดินก็ยังเปียกโชกภายหลังการล้างทำความสะอาด ซึ่งเป็นภาพอันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อคืนวันพุธที่ระเกะระกะไปด้วยรองเท้าและผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือด และพวกเฟอร์นิเจอร์กับเศษกระจกก็แตกหักเสียหายกระจายอยู่ทั่วไป
“เราเปิดทำการแล้ววันนี้ ผมรอพนักงานมารายงานตัวอยู่ เราทำความสะอาดและเก็บกวาดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” ฟาร์ฮัง เจฮานี และฟาร์ซัด น้องชายของเขาซึ่งเป็นเจ้าของกิจการคาเฟแห่งนี้ กล่าว
ทั้งนี้ ในวันเสาร์หน่วยคอมมานโด “แมวดำ” ของอินเดีย ได้สังหารคนร้ายรายสุดท้ายหลังจากที่ได้ต่อสู้กันภายในโรงแรมทัชมาฮาล ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่ถูกโจมตีตั้งแต่คืนวันพุธ
นอกจากนั้น ในวันเดียวกัน กองทัพเรืออินเดีย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชายฝั่งก็ได้ลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดหลังจากที่พบหลักฐานว่าจะมีกลุ่มก่อการร้ายจะเสริมกำลังเข้ามายังมุมไบโดยทางเรือ โดยเดินทางมาจากเมืองการาจีของปากีสถาน