เอเอฟพี - ห้วงเวลาเพียง 3 คืน กลุ่มก่อการร้ายเล็กๆ กลุ่มหนึ่งได้ปฏิบัติการโจมตีหลายจุดพร้อมกันอย่างอุกอาจจนสามารถเปลี่ยนเมืองมุมไบอันเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของอินเดียให้กลายเป็นเขตสงครามและคงเหลือไว้เพียงรอยเลือดกับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
พวกเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของอินเดีย กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายอย่างน้อย 10 คนอาศัยเรือเล็กหลบหนีเข้าเมืองมาในคืนวันพุธ (26) หลังจากที่ถูกปล่อยลงจากเรือใหญ่ลำหนึ่งใกล้ชายฝั่ง
เหล่าเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง ระบุด้วยว่า คนร้ายอีกกลุ่มหนึ่งได้ลอบเข้าเมืองมาก่อนหน้านี้ราวหนึ่งเดือน โดยทำการสำรวจพื้นที่อย่างละเอียดก่อนโจมตี พร้อมสะสมอาวุธปืนและกระสุนไว้เพื่อเตรียมก่อเหตุ แล้วทั้งสองกลุ่มนี้ก็ได้ติดต่อเชื่อมโยงกันจนกระทั่งลงมือปฏิบัติการต่อเนื่องนานถึง 60 ชั่วโมง สังหารชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 195 คน บาดเจ็บอีก 295 คน
เป้าหมายแรกๆ แห่งหนึ่งที่ถูกโจมตี คือ สถานีรถไฟฉัตรปตี ศิวะจี คนร้ายอย่างน้อย 2 คนกราดยิงและปาระเบิดเข้าใส่ผู้คนที่กำลังเดินทางไปมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 50 คน จากนั้นคนร้ายได้หลบหนีจากบริเวณดังกล่าวแล้วบุกเข้าโจมตีโรงพยาบาลคามา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสาธารณกุศลสำหรับผู้หญิงและเด็ก แล้วกราดยิงผู้คนไม่เลือกหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจอินเดียเองก็ได้ตอบโต้ ทว่า กลับทำให้ เฮแมนต์ คาร์คาเร หัวหน้าหน่วยตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของมุมไบ และตำรวจระดับสูงอีก 2 นาย ถูกยิงเสียชีวิตที่นอกโรงพยาบาล
**“พวกเขายิงทุกอย่างที่ขยับเขยื้อน”**
กลุ่มคนร้ายอีกกลุ่มหนึ่งได้บุกโจมตี คาเฟ่ ลีโอโปลด์ ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติ
“พวกเขาหยิบอาวุธออกมาจากถุงกระสอบ ปาระเบิดเข้ามา 3 ลูก แล้วใช้ปืนอัตโนมัติยิงทุกอย่างที่ขยับเขยื้อน” โจฮานา นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสวัย 24 ปีเล่า
คนร้ายบางคนยึดรถของตำรวจแล้วขับออกไปพร้อมกับกราดยิงไปตามถนน ก่อนจะขับไปยังเป้าหมายหลักอันเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง และความหลากหลายทางวัฒนธรรมของมุมไบ คือ โรงแรมทัชมาฮาล และโรงแรมโอเบอรอย-ไทรเดนต์ นอกจากนั้น ยังไปที่ศูนย์ชาวยิวและโรงแรมที่พักของนักท่องเที่ยวจากอิสราเอลด้วย
สัญญาณแรกที่บรรดาแขกและเจ้าหน้าที่ของโรงแรมทัชมาฮาล รับรู้ว่าเกิดเหตุโจมตี ก็คือ เสียงปืนดังหลายนัดและเสียงระเบิดที่บริเวณสระว่ายน้ำ หลังจากนั้น คนร้ายก็บุกเข้ามาภายในและล้อมตัวประกันไว้ พร้อมกับถามหาผู้ถือสัญชาติอเมริกันและอังกฤษ
“พวกเขายังหนุ่มๆ กันอยู่เลย ที่จริงเหมือนเด็กมากกว่า สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์” แขกรายหนึ่งเล่าถึงกลุ่มคนร้าย
“เป็นเรื่องน่าสยดสยองมาก” บรู๊ค แซทช์เวล ดาราสาวชาวออสเตรเลียวัย 28 ปี ซึ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในตู้เล่า และบอกอีกว่า “มีคนถูกยิงที่ระเบียง บางคนถูกยิงหน้าห้องน้ำ”
หลังจากนั้น หน่วยคอมมานโดก็บุกเข้าไปสู้กับคนร้ายในโรงแรมโดยบุกค้นไปทีละชั้นทีละห้อง
**ฆ่าชาวยิว**
ตลอดวันพฤหัสบดี (27) สถานีโทรทัศน์ของอินเดีย เผยแพร่ภาพเหตุการณ์ในจุดต่างๆ สลับไปมาไม่หยุดหย่อน เมื่อมีข่าวการยิงกันหรือระเบิด, เหตุไฟไหม้ และการบาดเจ็บล้มตายของผู้ที่พักตามโรงแรมต่างๆ
ในช่วงเย็น นายกรัฐมนตรีมานโมหัน ซิงห์ ได้ออกแถลงประกาศจะตอบโต้อย่างหนักหน่วง รวมทั้งได้กล่าวเตือน “เพื่อนบ้าน” ที่ให้ที่หลบภัยแก่พวกผู้ก่อการร้าย ซึ่งเท่ากับเป็นการอ้างอิงถึงศัตรูคู่แค้นเก่าแก่ นั่นคือ ปากีสถานอย่างชัดเจน
เมื่อถึงยามค่ำคืน มุมไบก็ถูกปิดล็อกทั้งหมด เพื่อรักษาความปลอดภัย พร้อมกับที่เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมพื้นที่ที่ถูกบุกโจมตีและมีการจับตัวประกันไว้ แต่ก็มีรายงานออกมาว่าพวกคนร้ายยังคงยิงปืนและขว้างระเบิดอย่างต่อเนื่อง
แต่ในช่วงเช้ามืดของวันศุกร์ จุดสนใจของเหตุการณ์ก็ย้ายไปอยู่ที่ศูนย์กลางชาวยิว ซึ่งเป็นทั้งย่านที่พักและสำนักงาน หน่วยคอมมานโดสวมหน้ากากได้โรยตัวลงจากเฮลิคอปเตอร์ แล้วรวมพลบนหลังคาตึกก่อนบุกจู่โจมผู้ก่อการร้ายจนสามารถยิงคนร้ายตาย 2 คน แต่ก็พบศพชาวยิวด้วย 8 คน ซึ่งรวมทั้งครูสอนศาสนาชาวยิวกับภรรยา ในขณะที่ลูกชายซึ่งมีอายุครบสองขวบในวันเสาร์ได้รับความช่วยเหลือจากพี่เลี้ยงชาวอินเดียออกมาได้
รัฐบาลอินเดียได้กล่าวประณามปากีสถานในทันที
“จากข้อมูลในชั้นต้น พบว่า มีคนบางพวกในปากีสถานที่เกี่ยวข้องด้วย” ประนับ มุคเคอร์จี รัฐมนตรีต่างประเทศของอินเดีย กล่าวหาปากีสถานโดยตรง ซึ่งอาจนำไปสู่สถานการณ์การเผชิญหน้ากันของ 2 ประเทศ ที่ต่างก็มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง
เจ้าหน้าที่ของอินเดียส่วนหนึ่ง ระบุว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายเหล่านี้มาจากกลุ่มลาชคาร์-อี-ไตบา ซึ่งมีฐานอยู่ในปากีสถาน และเป็นกลุ่มที่เคยก่อเหตุบุกโจมตีรัฐสภาของอินเดียเมื่อปี 2001 จนกระทั่งประเทศทั้งสองเกือบก่อสงครามขึ้น
แต่นายกรัฐมนตรียูซุฟ ราซา กิลานี แห่งปากีสถานกล่าวตอบในทันทีว่าปากีสถาน “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการโจมตีมุมไบ” และรัฐมนตรีต่างประเทศของปากีสถานก็ได้ขอร้องให้รัฐบาลอินเดียไม่หลงติดเข้าไปในเกมการกล่าวหากันที่เกิดขึ้น
**สู้จนตัวตาย**
สถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งทางการสามารถจัดการกับผู้ก่อการร้ายได้ในวันศุกร์ ก็คือโรงแรมโอเบรอย-ไทรเดนต์ โดยสามารถช่วยเหลือแขกที่ติดอยู่ภายในจำนวนมากออกมาได้ แม้จะพบผู้เสียชีวิต 32 ศพ
ทว่า ที่โรงแรมทัชมาฮาล การสู้รบยังยืดเยื้อไปตลอดทั้งคืน โดยมีเสียงปืนและระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หน่วยคอมมานโดต้องสลับหมุนเวียนกันเข้าจัดการกับมือปืน 3 รายสุดท้ายที่เหลือ กว่าจะประสบความสำเร็จในช่วงก่อนรุ่งสางเพียงเล็กน้อย และเป็นการปิดฉากเหตุสะเทือนขวัญในมุมไบลง
“เราบอกว่า มีผู้ก่อการร้าย 3 ราย ... และเราก็จัดการได้ 3 ศพ” เจ.เค.ดัตต์ ผู้บังคับการกองกำลังรักษาความปลอดภัยแห่งชาติของอินเดีย กล่าว
ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้ง 195 คน เป็นชาวต่างชาติ 27 คน ซึ่งมีทั้งชาวอิสราเอล อเมริกัน ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย แคนาดา เยอรมัน ญี่ปุ่น ไซปรัส อิตาลี สิงคโปร์ และคนไทย 1 คน ส่วนผู้ก่อการร้ายใน 11 คน ถูกยิงเสียชีวิต และ 1 รายถูกจับกุมตัวได้ โดยเป็นชาวปากีสถาน ขณะที่เจ้าหน้าที่ของอินเดียเสียชีวิตราว 15 คน
สื่ออินเดียต่างกล่าวถึงเหตุโจมตีมุมไบครั้งนี้ โดยระบุว่า ถือเป็นเหตุการณ์ “9/11” ของอินเดียเลยทีเดียว