เอเอฟพี - นโยบายต่อต้านยาเสพติดที่รัฐบาลไทยปัดฝุ่นดำเนินการใหม่อีกครั้ง อาจเป็นเหตุละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ซึ่งรวมถึงการฆ่าตัดตอนซ้ำรอยสมัยอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ องค์กรสิทธิมนุษยชนของโลก กล่าววันนี้ (13)
ฮิวแมนไรต์วอตช์ องค์กรสิทธิมนุษยชนระดับโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนิวยอร์ก กล่าวว่า ทางองค์กรรู้สึกกังวลว่าแผนรณรงค์ดังกล่าวอาจซ้ำรอยหลายเหตุการณ์ที่ปี 2003 ที่มีประชาชนเกือบ 3,000 คน ถูกฆ่าโดยมิชอบด้วยกฎหมายในการปราบปรามแบบเดียวกันนี้โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น
สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เขาจะปฏิบัติการ 90 วัน ลดผู้เสพยา และสกัดกั้นลักลอบนำเข้ายาเสพติดในนโยบายที่สานต่อจากพี่เมียของเขา ทักษิณ ผู้ถูกขับไล่จากรัฐประหารในปี 2006
“นายกรัฐมนตรีบอกว่าคราวนี้จะไม่ยอมให้มีการฆ่ากันอีก แต่รัฐบาลก็พูดแบบเดียวกันนี้เมื่อหนที่แล้ว” แบรด์ อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรต์วอตช์ ภาคพื้นเอเชียกล่าว “ความน่าเชื่อถือของสมชายตกอยู่ในความเสี่ยง”
ส่วนใหญ่ของประชาชนเกือบ 3,000 ราย ถูกสังหารในปี 2003 อยู่ในรายชื่อต้องสงสัยเป็นพ่อค้ายาเสพติดของตำรวจ และเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพวกเขา
มีเจ้าหน้าที่ 8 คนถูกจับกุมในเดือนมกราคม 2008 และถูกกล่าวหาลักพาตัวและทรมานผู้ต้องสงสัยเพื่อบีบให้รับสารภาพ
“รัฐบาลควรสอบสวนและลงโทษทางวินัยต่อบุคคลที่กระทำทารุณก่อนหน้านี้ และปฏิรูปขนบธรรมเนียมก่อนขอให้ตำรวจลุกขึ้นดำเนินนโยบายเดิมอีก มิฉะนั้น อาจจะมีประชาชนถูกฆ่ามากขึ้นกว่าเดิม” เขากล่าว
ทางกลุ่มสิทธิมนุษยชนแห่งนี้ บอกอีกว่า พวกเขาเกรงว่าผู้เสพยาจะถูกบังคับไปยังแคมป์ทหารหรือถูกส่งไปยังเรือนจำ สถานที่ที่ผู้เสพยาที่ติดเชื้อเอชไอวีไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้
สมชาย กล่าวว่า ทักษิณไม่ต้องรับผิดชอบต่อผู้คนที่เสียชีวืตระหว่างนโยบายต้านยาเสพติดก่อนหน้านี้ ขณะในคำพูดของเขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาบอกว่าเขาต้องการลดจำนวนผู้เสพยาในหมู่วัยรุ่น