เอเอฟพี - เนสท์เล่ บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ของโลก เมื่อวันพฤหัสบดี (2) ตอบโต้ไต้หวันที่สั่งแบนผลิตภัณฑ์นมของบริษัท ตั้งคำถามว่าทำไมสินค้าที่ถือว่ามีความปลอดภัยต่อบริโภคถึงถูกถอดออกจากชั้นจำหน่ายของร้านค้า
นอกจากนี้ บริษัทอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลกยังเรียกร้องทางการไต้หวัน ใช้ “มาตรฐานทางวิทยาศาสตร์” ต่อการวัดระดับเมลามีนในผลิตภัณฑ์ด้วย
ก่อนหน้านี้ ในวันเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขไต้หวัน ระบุว่า ผลิตภัณฑ์นมของเนสท์เล่ ถูกสั่งห้ามวางจำหน่าย หลังจากตรวจพบว่ามีส่วนประกอบของสารเคมีเมลามีน
หลายประเทศได้แบนผลิตภัณฑ์นมที่นำเข้าจากจีนหลังผลิตภัณฑ์หลายชนิดถูกตรวจพบว่าปนเปื้อนสารเมลามีน ซึ่งโดยทั่วไปใช้สำหรับผลิตพลาสติก
ผลิตภัณฑ์ที่ปนเปื้อนได้คร่าชีวิตเด็กอย่างน้อย 4 ราย และล้มป่วยราว 53,000 ในจีน
เนสท์เล่ ระบุในแถลงการณ์ว่า ทางบริษัทข้อใจต่อคำสั่งคัดชื่อผลิตภัณฑ์เนสแล็ค และนมคลิม ซึ่งผลิตในจีนและวางขายในไต้หวัน พร้อมกันนั้น ยังได้เรียกร้องทบวงสาธารณสุขไต้หวันออกมายืนยันว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นปลอดภัยอย่างที่สุดตามมาตรฐานนานาชาติ
“ยิ่งกว่านั้น ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการด้านความปลอดภัยจากทบวงสาธารณสุข เนสท์เล่...ไม่เข้าใจว่า ทำไมทางการจึงขอให้เนสท์เล่ คัดผลิตภัณฑ์เหล่านั้นออก ซึ่งด้วยการรับรองของพวกเขาเอง มันปลอดภัยตามมาตรฐานนานาชาติ” เนสท์เล่ ระบุ
บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ของโลกชี้แจงว่าระดับเมลามีนที่พบในผลิตภัณฑ์นั้น “เล็กน้อยมาก” น้อยกว่าเกือบทุกผลิตภัณฑ์อาหารในโลกนี้ พร้อมระบุว่าระดับเมลามีนจำกัดอยู่ที่เพียง 0.05 ใน 1 ล้านส่วน ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานนานาชาติถึง 50 เท่า
โรบิน ทิคเกิล โฆษกของเนสท์เล่ บอกกับเอเอฟพีว่า ปัญหาคือ “ไม่มีข้อจำกัดมาตรฐานอย่างเป็นทางการในไต้หวัน” และเมลามีนที่พบเล็กน้อยมาก ซึ่งอาจตรวจพบได้ด้วยเครื่องมือพิเศษเท่านั้น