เอเจนซี - ทาโร อาโซะ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการวันพุธ (24) หลังจากได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา พร้อมเผยโฉมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ซึ่งมีพวกหัวชาตินิยมโผงผางเข้าร่วมทีมหลายคน และนักวิเคราะห์มองว่าเป็นรัฐบาลที่มีแนวโน้มเอียงขวากว่ารัฐบาลชุดก่อน
อาโซะเป็นชาวคาทอลิก มาจากตระกูลผู้มั่งคั่งเก่าแก่ แต่ก็ดูเป็นคนติดดินซึ่งช่วยให้เขาหาเสียงจากประชาชนคนสามัญได้มา เขาเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีการต่างประเทศและสร้างชื่อจากแนวทางชาตินิยมจัด ทว่าปัญหาใหญ่ที่เขาจะต้องเผชิญเมื่อขึ้นนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี จะเป็นเรื่องการรับมือกับเศรษฐกิจที่กำลังซวนเซเข้าสู่ภาวะถดถอย แถมทั่วโลกยังถูกรุมเร้าด้วยวิกฤตการเงิน "แฮมเบอร์เกอร์" ในสหรัฐฯ อีกด้วย
นายกฯ คนใหม่ของญี่ปุ่นผู้นี้ มีนโยบายสนับสนุนการใช้จ่าย และลดภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อันเป็นทิศทางกลับตาลปัตรการปฏิรูปเน้นวินัยการคลังซึ่งใช้มาตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซูมิ เป็นที่คาดกันว่าอาโซะจะตัดสินใจจัดการเลือกตั้งใหม่ในเร็วๆ นี้ โดยอาศัยจังหวะที่ได้กระแสสนับสนุนจากสาธารณชน หลังจากประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉุกเฉินแล้ว
ส่วนนโยบายต่างประเทศ เขาน่าจะพยายามรักษาความสัมพันธ์กับจีนที่ยังคงง่อนแง่น และกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรทางด้านความมั่นคงอย่างสหรัฐฯ ไปด้วย
"ผมตระหนักดีถึงความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของตน รวมทั้งความไม่ไว้ใจการเมืองด้วย" อาโซะแถลงหลังจากเปิดเผยรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ "ผมถือเป็นพันธกิจที่จะต้องทำให้ญี่ปุ่นกลับมามีความสุขและมีความเข้มแข็งอีกครั้ง"
โฉมหน้าคณะรัฐมนตรี
อาโซะได้แต่งตั้งโซอิชิ นาคากาวะ อดีตรัฐมนตรีการค้าที่เคยกล่าววิพากษ์วิจารณ์จีน ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง โดยมอบตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้เจ้ากระทรวงคนเดิมคือ คาโอรุ โยซาโนะ ซึ่งเป็นพวกอนุรักษนิยมด้านการคลัง อีกทั้งลงแข่งขันเพื่อเป็นหัวหน้าพรรคแกนนำรัฐบาล ที่อาโซะเป็นผู้ชนะจนได้เป็นนายกรัฐมนตรีในคราวนี้ด้วย
"โยซาโนะดูเหมือนยังอยู่ในคณะรัฐมนตรี ดังนั้นก็จะยังมีการรักษาวินัยทางการคลังอยู่ในระดับหนึ่ง แต่คุณไม่มีทางหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่ว่าการผลักดันด้านการปฏิรูปนั้นกำลังเสื่อมลง" ทากูมิ ทสึโนดะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำธนาคารชินค้น เซ็นทรัล กล่าว
กระทรวงการต่างประเทศนั้น ตกเป็นของฮิโรฟูมิ นากาโซเนะ อดีตรัฐมนตรีศึกษาธิการ วัย 62 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรียาสุฮิโร นากาโซเนะ ในขณะที่นาริอากิ นากายามะ พันธมิตรใกล้ชิดหัวอนุรักษนิยมอีกผู้หนึ่ง ก็ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย แม้ว่าเขาจะเป็นแกนนำกลุ่ม ส.ส.พรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ที่ออกมาประกาศว่าเหตุการณ์สังหารหมู่ที่นานกิงเมื่อปี 1937 เป็นการกุเรื่องขึ้น จนทำให้จีนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
นักวิเคราะห์บางคน กล่าวว่า การจัดคณะรัฐมนตรีชุดนี้มุ่งเป้าไปที่การสร้างภาพของอาโซะว่าผู้นำเข้มแข็ง แต่ศาสตราจารย์ยาสุโนริ โซเนแห่งมหาวิทยาลัยเคโอะ เห็นว่า "ชาวต่างประเทศอาจรู้สึกกังกลว่าแนวร่วมนาคากาวา-อาโซะนั้นเอนเอียงไปทางขวามากกว่ารัฐบาลของฟูกูดะ"
ทางด้านประธานาธิบดีลีเมียงบัคแห่งเกาหลีใต้ได้แถลงแสดงความยินดีกับอาโซะ และกล่าวว่าเกาหลีใต้และญี่ปุ่นควรขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปข้างหน้า โดย "การสร้างความสัมพันธ์ไปในทิศทางที่มุ่งสู่อนาคตด้วยมุมมองต่อประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน"
นอกจากนั้น อาโซะยังพยายามดึงเสียงสนับสนุนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยการแต่งตั้งยูโกะ โอบูชิ คุณแม่ลูกหนึ่งวัย 34 ปี ผู้เป็นบุตรสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีอีกคนหนึ่ง ให้เป็นรัฐมนตรีเพื่อส่งเสริมนโยบายเพิ่มอัตราการเกิดของญี่ปุ่น เธอจึงก้าวขึ้นเป็นรัฐมนตรีหญิงที่มีอายุน้อยที่สุดของญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน