xs
xsm
sm
md
lg

ปีที่แล้วคนรวยของโลกยังคงรวยยิ่งขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเจนซี - แม้ว่าตลาดการเงินต่างๆ จะเข้าใกล้กับคำว่าย่อยยับเมื่อปีที่แล้ว แต่เมื่อนับกันเป็นรายบุคคล กลับปรากฏว่าผู้คนในทั่วโลกยังคงร่ำรวยเพิ่มขึ้นถึง 5% หรือรวมกันเท่ากับ 109.5 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้จากการศึกษาข้อมูลของ บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (บีซีจี) อย่างไรก็ตาม รายงานนี้ยังได้ยืนยันถึงคำพังเพยเก่าแก่ที่ว่า คนรวยมีแต่ยิ่งรวยขึ้น

รายงานการศึกษาของบีซีจีที่นำออกเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (4) ชี้ว่า นับเป็นปีที่ 6 ติดต่อกันแล้ว ที่ความมั่งคั่งส่วนบุคคลของโลกโดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มที่ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดก็คือ ครัวเรือนในประเทศกำลังพัฒนาอย่างเช่นจีน และประเทศที่อยู่รอบๆ อ่าวเปอร์เชีย แต่ความมั่งคั่งนั้นไม่ได้กระจายตัวออกไป โดยกระจุกอยู่ในตระกูลที่รำรวยอยู่แล้ว ทั้งนี้รวมทั้งในกลุ่มชนที่ร่ำรวยที่สุด ก็มีทรัพย์สมบัติเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

การศึกษาสำรวจของบีซีจี พบว่า ในปีที่แล้ว กลุ่มครัวเรือนร่ำรวยที่สุด 1% แรกของโลก เป็นเจ้าของทรัพย์สินถึง 35% ของความมั่งคั่งรวมของโลก และถ้าเจาะเฉพาะกลุ่มที่อยู่ยอดสุดของ 1% หรือ 0.001% ที่รวมเรียกว่าตระกูลอภิมหาเศรษฐี โดยแต่ละตระกูลมีสินทรัพย์อย่างน้อย 5 ล้านดอลลาร์ขึ้นไปนั้น เมื่อรวมกันแล้วพวกเขาเป็นเจ้าของความมั่งคั่งถึง 1 ใน 5 ของโลกทีเดียว

อย่างไรก็ตาม โลกของเราก็ยังคงมีมหาเศรษฐีหน้าใหม่ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วย โดยภูมิภาคที่มีมหาเศรษฐีหน้าใหม่เกิดขึ้นมากที่สุดเมื่อปีที่แล้ว คือ ประเทศเศรษฐกิจเฟื่องฟูใหม่ในเอเชีย และละตินอเมริกา

นอกจากนั้น แม้พวกที่ร่ำรวยแล้วยังคงร่ำรวยเพิ่มขึ้นอีก แต่ในปีที่แล้ว พวกเขาก็ต้องปรับตัวบางประการอันเนื่องมาจากวิกฤตการเงินโลก

รายงานนี้ ชี้ว่า ในปีนี้สินทรัพย์ของพวกมหาเศรษฐีของโลกถูกโยกไปลงทุนในตลาดที่มีความเสี่ยงน้อยลง นอกจากนี้พวกเขาก็ลงทุนภายในประเทศมากขึ้น และบางคนก็ลดการลงทุนใหม่ๆ

บีซีจี เตือนด้วยว่า สำหรับตลาดที่จับพวกร่ำรวยมั่งคั่งเป็นหลัก ตลอดจนแบงก์และสถาบันการเงินที่มุ่งให้บริการแก่คนเหล่านี้ ทิศทางอนาคตต้องถือว่ามืดมน สืบเนื่องจากวิกฤตการเงินที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้

อันที่จริงรายงาน ชี้ว่า ความมั่งคั่งส่วนบุคคลในทวีปอเมริกาเหนือมีอัตราเติบโตชะลอตัวลงเหลือ 3.8% ในปีที่แล้วเมื่อเทียบกับ 9% ของปี 2006 เป็นการสะท้อนถึงผลกระทบของวิกฤตอสังหาริมทรัพย์และปัญหาการขาดแคลนสภาพคล่องรุนแรงเมื่อหน้าร้อนปีที่แล้ว

"วิกฤตทางการเงินยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดของผู้มั่งคั่งต่อไป" วิคเตอร์ อาแอร์นี ผู้ร่วมเขียนในรายงานนี้กล่าว

บีซีจี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของธนาคาร และบรรดาผู้บริหารสินทรัพย์ต่างๆ ได้ทำนายว่าความมั่งคั่งส่วนบุคคลจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นแต่จะไม่เร็วเหมือนในอดีต และในปีนี้ บริษัทก็คาดว่าการขยายตัวสินทรัพย์จะต่ำกว่า 1% เพราะวอลล์สตรีทกำลังเผชิญหน้ากับสภาพย่ำแย่ที่สุดในรอบหลายสิบปี

อย่างไรก็ตามสถานการณ์จะดีขึ้นในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยบีซีจีคาดว่า ความมั่งคั่งส่วนบุคคลของโลกจะเติบโตในอัตรา 3% ต่อปี แม้ยังคงเทียบไม่ได้กับอัตราเฉลี่ย 8% ในช่วงระหว่างปี 2002 ถึง 2007

ส่วนอื่นๆ ของโลกนอกสหรัฐฯ จะเห็นความมั่งคั่งขยายตัวในอัตราที่เร็วกว่านี้มาก ตระกูลในเอเชีย,ประเทศรอบแปซิฟิกที่ไม่นับรวมญี่ปุ่น และละตินอเมริกา มีอัตราการเติบโตที่สูงสุด โดยเฉลี่ยเท่ากับ 14% ทั้งนี้เนื่องจากปัจจัยด้านการขยายตัวของอุตสาหกรรมในเอเชีย,ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นในตลาดโลก โดยเป็นสินค้าที่ลาตินอเมริกาและตะวันออกกลางส่งออกมาก นอกจากนี้ค่าเงินที่แข็งขึ้นมาก และเสถียรภาพทางการเมืองก็ยังมีส่วนช่วยด้วย

บีซีจียังอธิบายอีกว่า ธนาคาร บริษัทนายหน้าค้าหลักทรัพย์ และผู้จัดการกองทุนบริหารเงินจะมีทางเลือกน้อยมากในการทำธุรกิจ พวกเขาต้องเดินหน้าเข้าไปแข่งขันแย่งชิงลูกค้ากันในศูนย์กลางแห่งต่างๆ ที่มีอัตราการเติบโตสูง อย่างเช่น ดูไบ หรือสิงคโปร์ ที่กำลังพัฒนาไปสู่ความเป็นศูนย์กลางแห่งธนบดีธนกิจ และน่าจะกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องการบริหารจัดการความมั่งคั่งของโลกมาก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น