xs
xsm
sm
md
lg

"เทมาเส็ก" คุยยังกำไรเพิ่มเท่าตัวแม้วิกฤตการเงินแผ่ลามไปทั่วโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไฟแนนเชียลไทมส์/เอเอฟพี - เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ กองทุนความมั่งคั่งภาครัฐของรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งอัดฉีดเงินเข้าไปช่วยซื้อหุ้นเมอร์ริลลินช์ และบาร์เคลย์สแบงก์ หลายพันล้านดอลลาร์ รายงานวานนี้ (26) ว่า รอบปีที่แล้วสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นเท่าตัว แม้ว่าจะเกิดวิกฤตการเงินในขึ้นในตลาดโลกก็ตาม

เทมาเส็ก แจ้งว่า ในรอบปีการเงินที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ทางกองทุนทำกำไรสุทธิได้เท่ากับ 18,200 ล้านสิงคโปร์ดอลลาร์ หรือ 12,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับ 9,100 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ของหนึ่งปีก่อน

อย่างไรก็ตาม เทมาเส็กมีความเห็นว่าวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในโลก เป็นสิ่งที่น่ากังวล

"วิกฤตที่เกิดขึ้นจะยังคงเหนี่ยวรั้งเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวลงต่อไป ในช่วงเวลามากกว่า 24 เดือนข้างหน้า โดยที่ราคาน้ำมันและอาหารที่พุ่งขึ้นไปแล้ว กำลังเริ่มที่จะเป็นองค์ประกอบในการทดสอบปัจจัยเงินเฟ้อคาดการณ์ในประเทศต่าง ๆ" เอส ธนาบาลัน ประธานของเทมาเส็กกล่าวในรายงานรายได้ประจำปี ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวานนี้

เทมาเส็ก รายงานด้วยว่า ในปีการเงินที่แล้ว ทางกองทุนได้ลงทุนใหม่ไปถึง 32,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพิ่มกว่า 2 เท่าตัวจากระดับ 16,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ที่ลงทุนไปปีก่อนหน้า ส่วนมูลค่าการขายสินทรัพย์เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่ามาเป็น 17,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ จาก 5,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ของเมื่อ 1 ปีก่อน

ในรายงานประจำปียังระบุอีกว่า มูลค่ารวมของทรัพย์สินที่เทมาเส็กมีนั้นเพิ่มขึ้น 13% หรือเท่ากับ 185,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ จาก 164,000 ล้านของปีก่อน

นอกจากนี้เทมาเส็กบอกด้วยว่า ปีที่แล้วเป็นปีแรกที่การลงทุนนอกเอเชียนั้นสูงกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งมากกว่าการลงทุนในเขตเอเชียที่อยู่ในระดับ 5,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์

การลงทุนนอกเอเชียของเทมาเส็กเพิ่มขึ้นจาก 22% มาเป็น 26% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด เนื่องมาจากการเข้าถือหุ้นของเมอร์ริล ลินช์,บาร์เคลย์แบงก์ รวมทั้งการลงทุนในละตินอเมริกา และรัสเซีย

ไมเคิล ดี ซึ่งเป็นผู้อำนวยการบริหารอาวุโสของเทมาเส็ก กล่าวว่า การลงทุนในภาคการเงินนั้นถือเป็น 40% ของพอร์ตโฟลิโอทั้งหมด ซึ่งแสดงว่าเทมาเส็กเชื่อมั่นในสถานการณ์ระยะยาวในภาคดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ธนาบาลันก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเงินเฟ้อสูงเศรษฐกิจเติบโตน้อย (stagflation)

"เพราะว่ามันก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อภาคสังคมการเมือง เช่นเดียวกันกับภาคเศรษฐกิจ ในช่วงระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า และโอกาสการลงทุนจะมีจำกัดมากในสถานการณ์เช่นนั้น"

เทมาเส็ก ซึ่งเมื่อเทียบกับกองทุนความมั่งคั่งภาครัฐอีกกองทุนหนึ่งของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่ใช้ชื่อว่า เดอะ กัฟเวิร์นเมนต์ ออฟ สิงคโปร์ อินเวสเมนต์ คอร์ป (จีไอซี) แล้วจะมีขนาดเล็กกว่า ในช่วงปีหลังๆ นี้ได้พยายามหาช่องทางลงทุนนอกเหนือจากตลาดหลักของตน อันได้แก่เอเชียยกเว้นญี่ปุ่น ด้วยความประสงค์ที่จะเพิ่มอัตราผลตอบแทน ตลอดจนกระจายสินทรัพย์ออกไปให้กว้างมากขึ้น อันจะช่วยลดความเสี่ยง

สำหรับ อัตราผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นร่วมของเทมาเส็กในปีการเงินที่แล้ว อยู่ในระดับ 7% เมื่อคำนวณราคาสินทรัพย์ตามมูลค่าตลาด อัตรานี้ถือว่าลดฮวบจากปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ในระดับ 27%

เทมาเส็กเวลานี้ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นซีอีโอ คือ โฮชิง ภรรยาของนายกรัฐมนตรีลีเซียนลุง โดยกองทุนแห่งนี้ถือหุ้นในบริษัทขนาดใหญ่ของสิงคโปร์เอาไว้หลายแห่ง อาทิ สิงคโปร์ เทเลคอมมูนิเคชั่นส์ (สิงเทล),ดีบีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์,สิงคโปร์แอร์ไลน์ส และพีเอสเอ อินเตอร์เนชั่นแนล

สินทรัพย์ส่วนที่อยู่ในสิงคโปร์ คิดเป็น 33% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมดที่เทมาเส็กมีอยู่ ณ สิ้นเดือนมีนาคมปีนี้ ต่ำลงจากระดับ 38% ในปีการเงินที่ผ่านมา ส่วนสินทรัพย์ที่อยู่ในเอเชียยกเว้นญี่ปุ่น ก็อยู่ในระดับเท่ากับ 41% ของพอร์ต เพิ่มขึ้นนิดหน่อยจากระดับ 40% ของปีก่อนหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น