เอเอฟพี - ผู้นำการเมืองบนเกาะมินดาเนา ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์ เริ่มติดอาวุธให้พลเรือนและกองกำลังอาสาสมัครรักษาดินแดนในท้องถิ่นแล้ว ภายหลัง 2 สัปดาห์ของการสู้รบรุนแรงระหว่างกองทัพเมืองปินส์กับกลุ่มกบฏชาวมุสลิม องค์การแอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล (เอไอ) เผยวันนี้ (22)
องค์การนิรโทษกรรมสากล กล่าวว่า ได้รับรายงาน “ที่น่าเชื่อถือ” ว่า ประชาชนตามส่วนต่างๆ ของเกาะมินดาเนา เริ่มติดอาวุธด้วยตนเองหรือไม่ก็ได้รับแจกจ่ายจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแล้ว
ที่เมืองอีลิกัน “ประชาชนผู้ครอบครองอาวุธปืนอย่างถูกกฎหมาย ตลอดจนนักการเมืองและข้าราชการท้องถิ่นราว 300 คน รวมตัวเพื่อก่อตั้งกองกำลังอาสาสมัครรักษาดินแดนฝ่ายพลเรือน” แอมเนสตี กล่าวในคำแถลง
พร้อมกันนี้ เอไอยังบอกว่า มีรายงานที่ได้รับการยืนยันว่า “ข้าราชการท้องถิ่นจัดหาปืนและกระสุนให้กองกำลังดังกล่าวแล้ว”
ขณะที่ โรนัลโด ปูโน รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของฟิลิปปินส์ แถลงวันนี้ (22) ว่า กองกำลังอาสาสมัครรักษาดินแดนฝ่ายพลเรือน หรือ ซีวีโอ จะให้การช่วยเหลือและสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่
การสู้รบระหว่างกองทัพและกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนเริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือน หลังจากศาลสูงสุดแห่งฟิลิปปินส์มีคำสั่งระงับการจัดทำข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์เรื่องอาณาเขตระหว่างรัฐบาลและกลุ่มเอ็มไอเอลเอฟเป็นการชั่วคราว
ข้อตกลงนี้ ระบุว่า จะขยายพื้นที่เขตปกครองตนเองของชาวมุสลิมบริเวณมินดาเนา ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ประเทศซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวคาทอลิก จากพื้นที่ซึ่งทางการได้จัดทำข้อตกลงกับกลุ่มกบฏมุสลิมอีกกลุ่มหนึ่ง คือ ขบวนการปลดปล่อยแห่งชาติโมโรไปแล้ว
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นก้าวย่างสำคัญที่จะนำไปสู่การรื้อฟื้นการเจรจาสันติภาพอย่างเป็นทางการระหว่างกลุ่มกบฏมุสลิมใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์กับทางการมะนิลา อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เชื่อว่า นี่ไม่ใช่สิ่งรับประกันว่าหนึ่งในความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะสิ้นสุดลง
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (21) รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกข้อตกลงสันติภาพกับชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมแล้ว หลังจากข้อตกลงดังกล่าวก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างหนัก และตามมาด้วยเหตุปะทะกันอย่างรุนแรง