เอเอฟพี - ราคาน้ำมันทะยานถึง 6 ดอลลาร์ กระโดดขึ้นไปเหนือ 122 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันพฤหัสบดี (21) สืบเนื่องจากลูกค้ากังวลต่อความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย รวมถึงการอ่อนค่าของดอลลาร์และน้ำมันเบนซินสำรองของสหรัฐฯลดลงอย่างมาก
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม พุ่งขึ้นมากกว่า 6 ดอลลาร์ ปิดที่ 122.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อยู่ในระดับเดียวกับราคาเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ในลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ปิดที่ 120.86 ดอลลาร์
“ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น...บนความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหม่ ระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย ด้วยความไม่พอใจของรัสเซียที่มีต่อข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯกับโปแลนด์ ที่อเมริกาสามารถตั้งสถานีโล่ป้องกันขีปนาวุธในโปแลนด์ ซึ่งรัสเซียไม่ชื่นชอบ” นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์สแคปิตอล กล่าว
รัสเซียต่อต้านอย่างแข็งกร้าวต่อแผนของสหรัฐฯ ในการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธในโปแลนด์และสาธารณรัฐเช็ก โดยกล่าวหาว่าเสี่ยงเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของมอสโกมากกว่าที่อเมริกาอ้างว่าเป็นการป้องกันการโจมตีจาก “รัฐอันธพาล” อย่างอิหร่าน
“ราคาน้ำมันดิบขยับตัวสูงขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีต่อเนื่องมาจากเมื่อวันพุธ เป็นผลมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์และความกัวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีอย่างไม่ลดละ” อังเดรย์ คีร์ยูเชนคอฟ นักวิเคราะห์จากซัคเดนกล่าว พร้อมระบุว่า เหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นยังรวมไปถึงความตึงเครียดในตะวันออกกลางและความรุนแรงในไนจีเรียด้วย
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันได้ปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวันพุธ (20) หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า น้ำมันเบนซินสำรองลดลง 6.2 ล้านบาร์เรล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดคาดหมายว่าจะลดลงเพียง 2.4 ล้านบาร์เรลเท่านั้น
สต๊อกน้ำมันเบนซินถูกจับตาอย่างใกล้ชิดในช่วงเวลานี้ในแต่ละปีของสหรัฐฯ เนื่องจากจะมีผู้ใช้รถจำนวนมากสำหรับเดินทางไปพักผ่อนในช่วงวันหยุด ผลักดันให้ดีมานด์น้ำมันรถยนต์พุ่งสูงขึ้น
