เอเอฟพี – อดีตประธานาธิบดีเฉินสุยเปี่ยนของไต้หวัน ถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ขณะที่สำนักงานและบ้านพักของเขาในกรุงไทเป ถูกเจ้าหน้าที่บุกตรวจค้น หลังเขาและครอบครัวถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในข้อหาฟอกเงิน
เซียชิงฉิน โฆษกยามฝั่งของไต้หวัน ยืนยันว่า อดีตประธานาธิบดีเฉินสุยเปี่ยนของไต้หวัน ถูกอัยการสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
“เราได้รับคำสั่งห้ามอดีตประธานาธิบดีเฉิน เดินทางออกนอกประเทศจากหน่วยสืบสวนพิเศษประมาณ 3 ทุ่ม 20 นาทีของคืนวันเสาร์ (16) ที่ผ่านมา” โฆษกยามฝั่งของไต้หวันกล่าว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าว มีขึ้นหลังอัยการได้สั่งให้เจ้าหน้าที่บุกตรวจค้นสำนักงานและบ้านพักของเฉินในกรุงไทเป
“เจ้าหน้าที่ได้ยึดสมุดบัญชีและเครื่องคอมพิวเตอร์ไปตรวจสอบ ซึ่งอาจช่วยในการสืบสวนคดีดังกล่าว” จูเฉาเลี่ยง โฆษกหน่วยสืบสวนพิเศษของไต้หวันกล่าว
ขณะที่อัยการได้สอบปากคำเฉิน และอู๋ซูเจิน ภรรยาของเขาซึ่งนั่งรถเข็น เกี่ยวกับความผิดในข้อหาฟอกเงินเมื่อวันเสาร์ (16) โดยอัยการยังไม่ได้มีการออกหมายจับอดีตผู้นำรายนี้ เนื่องจากเฉินและภรรยายังให้ความร่วมมือกับทางการเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงานอ้างการเปิดเผยของอู๋ว่า เงินในต่างประเทศมาจากครอบครัวของเธอ รายได้จากอาชีพทนายความของเฉิน เงินบริจาคทางการเมือง และเงินที่ได้จากการลงทุน
ทางการไต้หวันเริ่มการสอบสวนคดีดังกล่าว หลังรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์เริ่มการสอบสวนพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชันของอดีตประธานาธิบดีไต้หวันก่อนหน้านี้ โดยเอกสารของรัฐบาลสวิสซึ่งได้จากหงซิ่วจู้ ส.ส.หญิงของพรรครัฐบาลก๊กมินตั๋ง ระบุว่า เฉินจื่อจง ลูกชายของเฉิน และหวงรุ่ยเลี่ยง ลูกสะใภ้ ได้มีการโอนเงินจำนวน 31 ล้านดอลลาร์ (1,047 ล้านบาท) ไปยังบัญชีในธนาคารสวิสเมื่อปีที่แล้ว
ระหว่างการเข้าให้ปากคำเมื่อวันศุกร์ (15) เฉินได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ถึงการไม่ได้เดินทางมาปรากฏตัวของลูกชายและลูกสะใภ้ของเขาว่า เนื่องจากทั้งคู่กำลังศึกษาอยู่ในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม เฉินยอมรับว่า ภรรยาของเขาได้โอนเงินหาเสียงในอดีต 20 ล้านดอลลาร์ (675 ล้านบาท) ไปต่างประเทศ โดยที่เขาไม่รู้เรื่องมาก่อน พร้อมกับปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดในข้อหาฟอกเงินตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ เฉินถูกทางการสอบสวนในข้อหายักยอกเงินจำนวน 480,500 ดอลลาร์ (16,236,095 ล้านบาท) ซึ่งเป็นเงินงบประมาณพิเศษขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ขณะที่ภรรยาของเขาถูกสอบสวนในข้อหาคอร์รัปชันและปลอมแปลงเอกสารในคดีเดียวกัน
เฉินยอมรับว่า เขาใช้ใบเสร็จปลอมในการเบิกเงิน แต่ยืนยันว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่ใช้ในภารกิจด้านการทูตที่เป็นความลับ และไม่ได้นำเงินไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม อัยการพบว่า เฉินนำเงินอย่างน้อย 48,669 ดอลลาร์ (1,644,525 บาท) ไปซื้อแหวนเพชร และเครื่องประดับหรูหราต่างๆ ให้กับภรรยา
ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน 1,012 คน ซึ่งจัดทำโดยหนังสือพิมพ์ไชน่า ไทมส์ ระบุว่า กลุ่มตัวอย่างเกือบ 68 เปอร์เซ็นต์ ไม่เชื่อคำกล่าวอ้างของ เฉิน แม้ว่าอดีตผู้นำจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ฝ่ายค้าน จะประกาศลาออกจากพรรค หลังเรื่องอื้อฉาวดังกล่าวถูกเปิดโปงได้เพียง 1 วัน
ทั้งนี้ ภายในพรรคพรรคดีพีพี ยังคงเกิดความระส่ำระส่ายอย่างหนัก หลังพ่ายแพ้ต่อพรรคก๊กมินตั๋งในการเลือกตั้งประธานาธิบดี และการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อเดือนมีนาคมและเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชันดังกล่าว