xs
xsm
sm
md
lg

อียิปต์เดินหน้าพิสูจน์ดีเอ็นเอ “สายเลือดฟาโรห์ตุตันคามุน”!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มัมมี่ตัวอ่อนซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นลูกที่ตายในครรภ์ของฟาโรห์ตุตันคามุน
เอเอฟพี – อียิปต์เตรียมตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอมัมมี่ตัวอ่อน 2 ศพซึ่งถูกขุดพบที่สุสานฟาโรห์ตุตันคามุน เพื่อดูว่ามัมมี่ทั้งสองเป็นสายเลือดของฟาโรห์ตุตันคามุนจริงหรือไม่

ร่างของมัมมี่ทารกซึ่งตายในครรภ์ 2 ศพถูกขุดพบที่สุสานฟาโรห์ตุตันคามุนในเมืองลักซอร์เมื่อปี 1992 โดยนักสำรวจชาวอังกฤษที่มีชื่อว่าโฮเวิร์ด คาร์เตอร์ และถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่มหาวิทยาลัยกรุงไคโรนับตั้งแต่นั้น

ซาฮี ฮาวาสส์ หัวหน้าฝ่ายโบราณคดีของอียิปต์ กล่าวว่า การตรวจดีเอ็นเอจะมีขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่ามัมมี่ที่ขุดพบเป็นลูกของฟาโรห์ตุตันคามุนกับพระนางอันเคเซนามุน ชายาซึ่งเป็นธิดาของพระนางเนเฟอร์ติติผู้เลอโฉมจริงหรือไม่

ฮาวาสส์ กล่าวด้วยว่า การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจำแนกเชื้อสายวงศ์ตระกูลของฟาโรห์ตุตันคามุน โดยเฉพาะพระบิดาและพระมารดาของฟาโรห์หนุ่ม นอกจากนี้การตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอและการทำซีทีสแกนอาจช่วยระบุผู้ที่เป็นมารดาของมัมมี่ตัวอ่อน รวมถึงอาจเป็นประโยชน์ต่อการพิสูจน์มัมมี่ของพระนางเนเฟอร์ติติด้วยเช่นกัน

เรื่องราวเกี่ยวกับพระบิดาและพระมารดาของฟาโรห์ตุตันคามุนยังคงเป็นปริศนาที่รอการค้นหาคำตอบ ขณะที่นักโบราณคดีเชื่อว่า พระบิดาของฟาโรห์ตุตันคามุนก็คือฟาโรห์อาเคนาเตน ส่วนพระมารดานั้นยังไม่ปรากฏชื่อว่าเป็นใคร

อย่างไรก็ตามนักโบราณคดีบางคน เชื่อว่า พระมารดาของฟาโรห์ตุตันคามุนอาจเป็นพระนางเนเฟอร์ติติ ชายาองค์แรกของฟาโรห์อาเคนาเตน ซึ่งหันมานับถือลัทธิเอกเทวนิยม หรือพระเจ้าองค์เดียวซึ่งก็คือ สุริยเทพอาเตน หรือไม่พระมารดาของฟาโรห์ตุตันคามุนก็อาจจะเป็นชายาองค์ที่ 2 ของฟาโรห์อาเคนาเตน ซึ่งก็คือ เจ้าหญิงคียา หรือเจ้าหญิงมายา ผู้เลี้ยงดูฟาโรห์ตุตันคามุนมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์นั่นเอง

ด้านสภาโบราณคดีสูงสุดของอียิปต์ ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญจะนำมัมมี่ของราชวงศ์อียิปต์โบราณทุกพระองค์ไปตรวจซีทีสแกนเพื่อจำแนกเอกลักษณ์บุคคล ขณะที่จะมีการนำตัวอย่างที่ได้จากมัมมี่เพศหญิงหลายศพซึ่งถูกขุดพบที่พิพิธภัณฑ์ชาวอียิปต์ในกรุงไคโรและยังไม่ถูกระบุว่าเป็นใคร ไปตรวจดีเอ็นเอด้วยเช่นกัน

“เชื่อกันว่ามัมมี่ตัวอ่อนทั้ง 2 ศพน่าจะเป็นสายเลือดของฟาโรห์ตุตันคามุน ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญจะนำผลการตรวจทั้งหมดไปเปรียบเทียบ รวมถึงนำมาเปรียบเทียบกับผลการตรวจซีทีสแกนเมื่อปี 2005 ของมัมมี่ตัวอ่อนซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นลูกของฟาโรห์ตุตันคามุนด้วยเช่นกัน” แถลงการณ์ของสภาโบราณคดีสูงสุดของอียิปต์ระบุ

การตายของฟาโรห์ตุตันคามุนเมื่อ 3,000 กว่าปีก่อนยังคงเป็นประเด็นถกเถียงในหมู่นักประวัติศาสตร์ บางคนเชื่อว่า ฟาโรห์หนุ่มองค์นี้สิ้นพระชนม์จากอาการบาดเจ็บที่ขาจนเนื้อตายและเน่า ขณะที่อีกหลายคนเชื่อว่า ฟาโรห์ตุตันคามุนทรงถูกลอบปลงพระชนม์จากการถูกยิงธนูเข้าที่ศีรษะ

เมื่อปีที่แล้ว ใบหน้าที่แท้จริงของฟาโรห์ตุตันคามุนได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก โดยฟาโรห์ตุตันคามุนซึ่งขึ้นครองราชย์ขณะทรงมีอายุได้เพียง 9 ปีในฐานะฟาโรห์องค์ที่ 12 และยังเป็นฟาโรห์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ที่ 18 ของอียิปต์โบราณ สิ้นพระชนม์ขณะทรงมีอายุได้ 19 ปี ขณะที่มัมมี่ของฟาโรห์ตุตันคามุนถูกย้ายจากโลงหินไปยังตู้กระจกภายในสุสานที่หุบเขาฟาโรห์ในเมืองลักซอร์ หลังการขุดพบเมื่อปี 1992 เพื่อการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น