เอเอฟพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันดิ่งกว่า 4 ดอลลาร์ อยู่ที่ระดับ 121 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในวันอังคาร (29) นับเป็นราคาที่ต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ จากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่ประธานโอเปก ชี้ หากดอลลาร์เข้มแข็ง รวมถึงสถานการณ์อิหร่านคลี่คลายราคาน้ำมันจะต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ประธานโอเปก ชาคิบ เคลิล บอกว่าราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นสิ่ง “ผิดปกติ” พร้อมระบุว่า ราคาน้ำมันอาจร่วงลงมาสู่ระดับ 78 ดอลลาร์ หากค่าเงินสหรัฐฯมีความเข้มแข็งและความตึงเครียดเกี่ยวกับโปรแกรมนิวเคลียร์ผ่อนคลายลง
ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือตลาดลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน ร่วงลง 3.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 122.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบไลต์สวีต ในการซื้อขายที่นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ร่วงลง 2.98 ดอลลาร์ ปิดที่ 121.75 ดอลลาร์
ในตลาดหลักทรพย์นิวยอร์ก เมื่อวันอังคาร ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเปรียบกับดอลลาร์ อยู่ที่ 1.5688 ดอลลาร์ต่อ 1 ยูโร จาก 1.574 ดอลลาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ดีมานด์น้ำมันเพราะว่าน้ำมันจะแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อ
“ถ้าดอลลาร์ยังคงแข็งขึ้นและสถานการณ์ทางการเมือง (ประเด็นอิหร่าน) ดีขึ้น เมื่อนั้นราคาน้ำมันในระยะยาวจะอยู่ที่ราว 78 ดอลลาร์” ชาคิบ เคลิล บอก
รอยัล ดัตช์ เชลล์ ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำด้านพลังงานของอังโกล-ดัตช์ ที่ผลิตน้ำมันในบริเวณพื้นที่ตอนใต้ของไนจีเรีย เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่าเกิดความเสียหายที่ท่อลำเลียงน้ำมันคุลา ที่อาจมาจากการโจมตีจากกลุ่มติดอาวุธ ส่งผลให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นไปเหนือ 126 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงต้นของการซื้อขาย
ราคาน้ำมันก้าวขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม สืบเนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์และความตึงเครียดเกี่ยวกับโปรแกรมนิวเคลียร์อิหร่าน
แต่หลังจากนั้นราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 20 ดอลลาร์ จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยทำให้ดีมานด์พลังงานลดลง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา--ชาติผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก