เอเอฟพี/ผู้จัดการออนไลน์ - กัมพูชา และ ไทย เห็นชอบร่วมกันเมื่อวันจันทร์(28) ในการพิจารณาถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท แต่ยังไม่มีการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรใดๆ ต่อก้าวย่างที่มั่นคงสำหรับยุติการเผชิญหน้าทางทหารที่มีมานานกว่า 2 สัปดาห์
หลังการหารือนานกว่า 12 ชั่วโมง ณ โรงแรมอังกอร์พาเลซ รีสอร์ท แอนด์ สปา เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองชาติ กล่าวว่า พวกเขาจะขอให้รัฐบาลถอนกำลังทหารที่ประจำการอยู่รอบพื้นที่พิพาทใกล้กับประสาทพระวิหาร
นายฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “เราตกลงที่จะขอให้รัฐบาลของเราถอนทหาร เราจะตัดสินในคงทหารไว้ในพื้นที่พิพาทจำนวนเท่าไหร่ในการหารือครั้งหน้า เราจะระงับอย่างสุดแรงและหลีกเลี่ยงการใช้กำลังทหาร”
นายฮอร์ นัม ฮง กล่าวอีกว่า การปรับกำลังทหาร จะไม่ส่งผลต่อสิทธิการปักปันเขตแดน จุดยืนของสองประเทศ และสิทธิในด้านกฎหมาย
“การจัดวางกำลังใหม่จะมีขึ้นอีกก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นพ้องจากรัฐบาลไทย” เอเอฟพีอ้างคำแถลงของ นายเตช บุนนาค รัฐมนตรีต่างประเทศ กล่าว
นายเตช กล่าวว่า หวังว่า ความร่วมมือครั้งนี้ จะนำไปสู่การถอนทหารในอนาคต ฝ่ายไทยจะรายงานผลการประชุมเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 29 ก.ค.
ยังไม่มีฝ่ายใดให้คำมั่นต่อหลักชัยที่มั่นคงสำหรับการเคลื่อนย้ายทหาร และยังไม่มีการกำหนดวัน เวลา ในการหารือครั้งต่อไป อย่างไรก็ตาม ทั้งสองประเทศยืนยันว่าจะคลี่คลายปัญหาด้วยสันติวิธีและยื่นข้อเสนอหลายอย่างเพื่อยุติความขัดแย้ง รวมไปถึงแผนปลดเปลื้องปัญหาปักปันเขตแดนด้วย
“ทั้งสองฝ่ายจะแก้ปัญหาอย่างสันติ” นายฮอร์ นัม ฮง ระบุ พร้อมบอกว่า การประชุมครั้งนี้มีความก้าวหน้า ประสบความสำเร็จ แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่ดีของสองประเทศในการแสวงหาสันติภาพ
ขณะที่เจ้าหน้าที่กัมพูชา และ ไทย บอกว่า การประชุมนี้ถือเป็นก้าวแรก แต่จะไม่เป็นครั้งสุดท้ายในการเจรจาเพื่อยุติปัญหาคุกรุ่นที่ยืดเยื้อยาวนานหลายทศวรรษ
นายฮอร์ นัม ฮง กล่าวว่า การประชุมมีข้อตกลง 4 เรื่อง คือ 1.ขอให้ไทย-กัมพูชา ใช้ความยับยั้ง ชั่งใจ ในการแก้ไขปัญหา 2.ให้มีการปรับกำลังทหารออกจากวัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พิพาท 3.ให้มีการจัดประชุม เจบีซี (คณะกรรมการชายแดน) โดยเร็ว และ 4.ให้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารในพื้นที่