เอเอฟพี – ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เปโลซี พูดถึงประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ในระหว่างที่เธอให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวันพฤหัสบดี (17) ว่า เป็นผู้ที่ประสบ “ความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง” ไม่ว่านโยบายทางด้านไหน อีกทั้งเป็นบุคคลที่ “ไม่มีความคิดใดๆ เลย”
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีบุชได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างชนิดที่สร้างความขุ่นเคืองกันมาก โดยเขากล่าวโจมตีคณะผู้นำของพรรคเดโมแครตที่ครองเสียงข้างมากอยู่ในทั้งสองสภา ตลอดจนวาระการประชุมของฝ่ายนิติบัญญัติที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า เมื่อถึงคราวที่เปโลซีได้พูดบ้าง เธอก็ตอบโต้อย่างเต็มเหนี่ยว
“คุณรู้ไหม ขอพระเจ้าอวยพรเขาด้วยเถิด อวยพรให้แก่หัวใจของเขา ท่านประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ผู้ที่ประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ผู้กำลังสูญเสียความน่าเชื่อถือทั้งหมดจากที่ประชาชนอเมริกันเคยให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ,เรื่องสงคราม,เรื่องพลังงาน คุณเอ่ยมาเถอะเรื่องไหนก็ได้”
เปโลซี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในวัย 68 ปี บอกว่า ทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ต่างก็กำลังทำงานเต็มมือ “พยายามเก็บกวาดทำความสะอาด หลังจากการทำสกปรกรุงรัง (ของบุช) ครั้งแล้วครั้งเล่า...ท่านประธานาธิบดีทราบเรื่องนี้ดี แต่เขาจำเป็นจะต้องให้มีอะไรไว้พูดออกมาบ้าง เพราะเขาเป็นคนไม่มีความคิดใดๆ เลย”
ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เน้นหนักวิพากษ์วิจารณ์เป็นพิเศษต่อข้อเสนอของบุช ที่ให้ยกเลิกมาตรการห้ามการขุดเจาะน้ำมันบริเวณนอกชายฝั่งของสหรัฐฯ โดยบอกว่าเป็นวิธีที่จะช่วยบรรเทาวิกฤตราคาน้ำมันในปัจจุบันได้ แต่เปโลซี ตอบโต้ว่า ข้อเสนอนี้เป็นเพียงกโลบายเพื่อหันเหความสนใจไปจากความล้มเหลวของเขาเท่านั้น
“เราต้องอยู่กับช่วงเวลา 7 ปีครึ่งแห่งการดำเนินนโยบายพลังงานที่ล้มเหลวของคณะรัฐบาลบุช เราต้องเผชิญกับเศรษฐกิจที่ระส่ำระสวยและกำลังอยู่ในอาการขาลง ท่านประธานาธิบดีก็เลยต้องหาเป้าหลอกให้ผู้คนไปสนใจเรื่องอื่น
“ดังนั้น เขาก็กำลังหันไปพูดเรื่องนั้น เขากระทั่งยังมีความกล้าที่จะพูดอีกว่า เศรษฐกิจจะดีขึ้นถ้าหากเราสามารถขุดเจาะน้ำมันในเขตนอกชายฝั่งที่เป็นเขตคุ้มครองได้” เธอกล่าวพร้อมกับบอกต่อไปว่า ทางพรรคเดโมแครตมีข้อเสนอให้นำเอาน้ำมันในคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯออกมาใช้ โดยเธอกล่าวว่าน้ำมันในคลังสำรองเวลานี้มีสูงมากแล้ว คือประมาณ 91.5% ของศักยภาพทีเดียว
“เราก็เลยกำลังบอกว่า เอาออกมาสัก 10% เถอะ...และเอาเข้าไปในตลาด เพื่อเราจะได้มีอุปทานน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาลดต่ำลงมา และเมื่อราคาลงมาแล้ว เราก็สามารถซื้อน้ำมันกลับคืนเข้าคลังสำรองด้วยราคาที่ลดต่ำลง”