เอเอฟพี – หนุ่มอเมริกันซึ่งเกิดมาเป็นผู้หญิง ก่อนแปลงเพศเป็นชาย ให้กำเนิดลูกสาวแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี (3) ที่ผ่านมา
โธมัส บีตี วัย 34 ปี ซึ่งมีสถานะเป็นผู้ชายตามกฎหมาย หลังแปลงเพศจากหญิงเป็นชาย โดยผ่าตัดเอาเฉพาะหน้าอกออก และเข้ารับการฉีดฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน แต่ตัดสินใจเก็บระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงทั้งมดลูกและรังไข่เอาไว้ ตกเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังออกมาเปิดเผยว่าเขากำลังตั้งครรภ์
สถานีโทรทัศน์เอบีซี รายงานว่า ล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดี (3) ที่ผ่านมา บีตีได้ให้กำเนิดลูกสาวของเขาและภรรยาแล้ว ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองเบนด์ รัฐออริกอน โดยไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
บีตีได้รับการตั้งฉายาว่า “ผู้ชายท้อง” หลังปรากฏตัวในรายการทอล์กโชว์ชื่อดังของโอปราห์ วินฟรีย์เมื่อเดือนเมษายน
“ผมคิดว่ามันไม่ใช่ความปรารถนาของผู้ชายหรือผู้หญิงที่อยากจะมีลูก แต่มันเป็นความต้องการของมนุษย์ ผมเป็นมนุษย์คนหนึ่ง และมีสิทธิที่จะมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของผม” บีตีบอกกับเจ้าแม่ทอล์กโชว์ของสหรัฐฯ ระหว่างการออกรายการในครั้งนั้น
เรื่องราวไม่ธรรมดาของบีตีถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก หลังเขาได้เขียนบทความชื่อว่า “ความยากลำบากของความรัก” ลงในนิตยสารดิ แอดโวเคท ซึ่งเป็นนิตยสารสำหรับกลุ่มคนรักเพศเดียวกันเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
“เพื่อนบ้านของเรามองแนนซี ภรรยาของผม และตัวผมว่าผิดปกติ เรื่องราวของเราจุดประกายประเด็นทางกฎหมาย การเมือง และสังคม ที่ไม่มีใครรู้มาก่อน ผมรู้สึกอย่างไรที่ได้เป็นผู้ชายที่กำลังตั้งท้องนะเหรอ? มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แม้ว่าข้อเท็จจริงก็คือท้องของผมกำลังโตขึ้นพร้อมกับชีวิตใหม่ในตัวผม ขณะที่ผมยังมั่นคงและมั่นใจในความเป็นผู้ชายของตัวเองอยู่” บีตี ระบุในบทความดังกล่าว
ทั้งนี้ บีตีตัดสินใจเป็นฝ่ายอุ้มท้องแทนภรรยา หลังภรรยาของเขาไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ เนื่องจากได้ผ่าตัดมดลูกทิ้งไปก่อนหน้านี้ โดยบีตีได้ฉีดสเปิร์มของผู้บริจาคเข้าไปในไข่ของตัวเอง แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เพื่อนๆ และครอบครัวของทั้งคู่ รวมถึงแพทย์คนหนึ่งซึ่งปฏิเสธที่จะเป็นผู้ทำการผสมเทียมให้กับเขาก็ตาม