เอเจนซี - มีประชาชนกว่า 33,000 รายฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ถือว่ามากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในรอบ 10 ปี แม้ว่ารัฐบาลพยายามรณรงค์อย่างหนึ่งเพื่อลดอัตราปลิดชีพตัวเองในชาติที่ติดอันดับมีผู้คนฆ่าตัวตายเกือบสูงที่สุดในโลก
รายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันพฤหัสบดี (19) ระบุว่ามีพลเมืองญี่ปุ่น 33,093 คน ที่ฆ่าตัวตายในปี 2007 ถือเป็นจำนวนมากที่สุดเป็นอันดับสองรองจากปี 2003 ที่มีคนปลิดชีวิตตัวเอง 34,427 ราย ส่วนใหญ่มาจากปัญหาหนี้สิน ครอบครัว ความตกต่ำและสุขภาพ
นอกจากนี้มีจำนวนพุ่งพรวดในกลุ่มที่ฆ่าตัวตายด้วยวิธีผสมผงซักฟอกเข้ากับสารเคมีรมแก๊สพิษ หลังมีการเผยแพร่วิธีการฆ่าตัวตายในแบบดังกล่าวบนอินเตอร์เน็ต
"นี่คือสถานการณ์ที่น่าเสียใจอย่างมากซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นเวลานานแล้ว" หัวหน้าทีมโฆษกรัฐบาลกล่าวพาดพิงถึงข้อมูลดังกล่าว "มันเป็นปัญหาที่หนักมาก แต่เราต้องการทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้"
จำนวนผู้ฆ่าตัวตายในญี่ปุ่นเติบโตขึ้นหลังเกิดการล้มลุกคลุกคลานทางเศรษฐกิจในช่วงทศวรรษ 1980 ที่ทำให้หลายคนต้องตกงาน มีหนี้สินพ้นตัว ทั้งนี้จากสถิติเมื่อปีที่แล้วมีผู้ฆ่าตัวตายในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซนต์ เป็น 12,100 ราย ขณะที่ในกลุ่มวัยรุ่นกลับมีจำนวนลดลง
เป็นที่น่าสังเกตว่าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคมปีนี้ มีผู้คนที่ฆ่าตัวตายด้วยวิธีผสมผงซักฟอกเข้ากับสารเคมีรมแก๊สพิษเกือบ 520 รายแล้ว เปรียบเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันมีเพียงแค่ 30 รายเท่านั้น
ญี่ปุ่นคือชาติที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม(จี8) เป็นรองเพียงรัสเซีย จากบันทึกขององค์การอนามัยโลก ได้พยายามจัดการกับปัญหานี้
ในเดือนมิถุนายนปี 2007 รัฐบาลให้คำมั่นว่าจะลดอัตราการฆ่าตัวตายลง 20 เปอร์เซนต์ให้ได้ในช่วงปี 2016 อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ยอมรับว่าปัญหาดังกล่าวต้องใช้เวลา