เอเจนซี - ราคาน้ำมันดิ่งลง 3 ดอลลาร์ เหลือ 133 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในวันพฤหัสบดี (19) ขานรับกรณีมีข่าวว่าจีนเตรียมขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน เพื่อลดภาวะขาดทุนของโรงกลั่นจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูง
ดีมานด์จากจีน คือ หนึ่งในปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนน้ำมันให้ทะยานใกล้แตะระดับ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้แหล่งข่าวทางอุตสาหกรรมบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ปักกิ่ง จะเพิ่มราคาน้ำมัน 1,000 หยวน (5,200 บาท) ต่อ 1 ตัน ตั้งแต่วันศุกร์ (20) นี้ เป็นต้นไป
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ ผันผวนพอสมควรโดยร่วงลงไป 3 ดอลลาร์เหลือ 133.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนขยับขึ้นมาทรงตัวลดลง 2.02 ดอลลาร์ ที่ 134.66 ต่อบาร์เรล ณ เวลา 13.43 น.จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย20.43 น.) ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ลอนดอน ลดลง 2.11 ดอลลาร์มาอยู่ที่ 134.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันเคยถีบตัวสูงถึง 137 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังกลุ่มกบฏไนเจอร์ เดลตา ของไนจีเรียชาติผู้ผลิตน้ำมัน เตือนให้รถบรรทุกน้ำมันหรือแก๊สหลีกเลี่ยงใช้เส้นทางอื่นหรือไม่ก็เสี่ยงถูกโจมตี
กลุ่มกบฏไนเจอร์ เดลตา ยังได้เตือนว่าพวกเขาอาจปฏิบัติการโจมตีโรงงานน้ำมันอีก หลังมือปืนของกลุ่มได้เล่นงานบ่อน้ำมันที่บอนกา เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว สำหรับบอนกา สามารถสูบน้ำมันได้เฉลี่ยถึง 220,000 บาร์เรลต่อวัน
จากเหตุความวุ่นวายต่างๆ ทำให้ไนจีเรีย ผลิตน้ำมันได้ต่ำกว่าประสิทธิภาพที่แท้จริงราว 20 เปอร์เซนต์ ส่งให้ราคาน้ำมันพุ่งทะยานเกือบแตะ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่ทาง Goldman Sachs ออกมาคาดคะแนใหม่ว่าราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 117 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ หลังก่อนหน้านี้ เคยคาดหมายว่าจะอยู่ที่ 108 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนปีหน้า Goldman Sachs บอกว่า ราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ผู้ค้าบอกว่าตลาดกำลังจับตาการประชุมฉุกเฉินระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคในซาอุดีอาระเบีย สัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ในวันพฤหัสบดี ซาอุดีอาระเบียได้แถลงว่ามีแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 200,000 บาร์เรลต่อวัน ประกอบกับจีนบอกกว่าจะขึ้นราคาขายปลีกน้ำมัน ทำให้การซื้อขายน้ำมันในตลาดยุโรปในช่วงบ่ายลดลงต่ำกว่า 133 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว