เอเอฟพี – แม่ของเด็กแฝดคู่หนึ่ง ซึ่งถูกพบนอนตายอยู่ในห้องนอนบอกกับตำรวจว่าลูกของเธออาจตายเพราะความหิวโหย
ศาลออสเตรเลียรับฟังข้อมูลในการพิจารณาคดีเมื่อวันอังคาร (17) ว่า ศพที่เริ่มเน่าเปื่อยของเด็กแฝดชายและหญิง วัย 18 เดือน ถูกพบโดยพี่ วัย 11 ปีของฝาแฝด ซึ่งได้กลิ่นเหม็นโชยออกมาจากห้องนอนภายในบ้าน ซึ่งตั้งอยู่ชานเมืองบริสเบน ทางชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย
ขณะที่พ่อ วัย 28 ปี และแม่ วัย 30 ปีของเด็กแฝด ถูกตั้งข้อหาละเลยในการให้อาหาร ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต หลังตำรวจได้รับแจ้งความเมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ (16)
มิเชล คลาร์ก อัยการ กล่าวว่า ตำรวจพบศพเด็กแฝดทั้งคู่ในสภาพที่เริ่มเน่าเปื่อย และดูเหมือนว่าฝาแฝดจะได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ
ผู้เป็นแม่ได้แจ้งกับตำรวจ ว่า เธอรู้ว่าลูกตายไม่วันอาทิตย์ (8) ก็วันจันทร์ (9) ที่แล้ว ซึ่งในช่วงนั้นเธอป่วยเป็นไข้ จึงไม่ได้เลี้ยงดูฝาแฝดมากนัก ซึ่งเมื่อตำรวจถามว่าลูกของเธอตายอย่างไร เธอก็ได้ตอบว่า “ฉันคิดว่าฉันคงไม่ได้ให้อาหารพวกเขาอย่างเพียงพอ”
ขณะที่พ่อของเด็ก กล่าวว่า เขาไม่รู้ว่าลูกตายจนกระทั่งวันจันทร์ (16) แม้ว่าเขาจะเดินผ่านห้องนอนของลูกหลายครั้งตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านลูกๆ อีก 4 คนของผู้ต้องหา ต่างระบุว่า พวกเขาไม่ค่อยเห็นน้องๆ ฝาแฝดกันสักเท่าไร เพราะน้องทั้งคู่จะนอนอยู่ในห้องนอนห้องแรกด้านหน้าบ้านเป็นส่วนใหญ่
รายงานข่าวแจ้งว่า แฝดคนหนึ่งมีน้ำหนักตัวเพียง 4 กิโลกรัม ขณะที่อีกคนหนึ่งหนักน้อยกว่า
นอกจากนี้ ศาลยังได้รับฟังข้อมูลว่า พ่อและแม่ของเด็กกำลังมีปัญหาด้านความสัมพันธ์ เนื่องจากฝ่ายชายไม่สามารถหาเงินมาเลี้ยงดูลูกๆ ของพวกเขาได้
ทินา กรีน อัยการ กล่าวต่อศาลว่า อัยการอาจเพิ่มข้อหากับพ่อและแม่ของเด็ก หลังได้รับผลการตรวจชันสูตรศพแล้ว
“มีแนวโน้มว่าพ่อและแม่ของเด็กอาจถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม” อัยการคนเดิมกล่าว
ขณะที่ โนเอล นูแนน ผู้พิพากษาในคดีดังกล่าว มีคำสั่งให้ควบคุมตัวสองสามีภรรยาไว้จนถึงวันพฤหัสบดี (19) เพื่อรอผลชันสูตรพลิกศพอย่างเป็นทางการ
“การตายของฝาแฝดทั้งคู่ เป็นเรื่องที่แปลกประหลาด เนื่องจากพ่อและแม่ของเด็กยังคงอยู่ในบ้านตลอด 1 สัปดาห์ หลังจากที่ลูกๆ ของพวกเขาตายแล้ว” ผู้พิพากษาระบุ