เอเอฟพี – กองทัพสหรัฐฯ เผยในปีที่ผ่านมา มีจำนวนทหารซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ฆ่าตัวตายถึง 115 นาย นับว่า สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มจดบันทึกสถิติในปี 1980 โดยมีนายทหารพยายามฆ่าตัวตายแล้วเกือบพันคน
ยอดสูงที่สุดนี้เกิดขึ้นในปีเดียวกับที่ยอดทหารอเมริกันในอิรักเสียชีวิตมากที่สุด และระดับความรุนแรงในอัฟกานิสถานที่ไต่ระดับเพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่ บารั8 โอบามา ตัวเก็งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต ชี้ว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นเครื่องเตือนที่น่าเศร้าถึงความเสียหายของสงครามอิรักที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาเกิดกับทหาร และครอบครัวของชาวอเมริกัน
เจ้าหน้าที่กองทัพ ยอมรับว่า การส่งทหารไปต่อสู้อย่างยาวนาน ซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นที่มาสำคัญของความเครียดของชีวิตนายทหารทั้งหลาย ทว่า พวกเขาไม่พบความเกี่ยวพันโดยตรงระหว่างความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นกับการฆ่าตัวตายแต่อย่างใด
พันเอกหญิง เอลสเพธ ริตชี เผยว่า “ในวาระแห่งความขัดแย้งในปัจจุบันนี้ เราเห็นสิ่งมากมายเกิดขึ้นในสงคราม ซึ่งต้องให้ความช่วยเหลือ ส่วนใหญ่ใช้เวลานาน และต้องส่งทหารห่างบ้านไปหลายครั้ง การเปิดสู่สิ่งที่เลวร้าย และน่ากลัวอย่างยิ่ง การหาอาวุธมาได้มากมายอย่างง่ายดาย และแน่นอน ความยุ่งเหยิงมากๆ ในปัจจุบันนี้”
ในรายงานฉบับหนึ่ง กองทัพสหรัฐฯ ระบุว่า การฆ่าตัวตาย 115 รายที่ได้รับการยืนยันนี้ เพิ่มอัตราการฆ่าตัวตายขึ้น 18.8% ต่อ 1,000 คนของทหารในกองทัพ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในปี 2007 หรือ 16.6% เมื่อรวมจำนวนทหารกองหนุนด้วย
อัตราการฆ่าตัวตายในหมู่ทหาร เมื่อปี 2006 มี 17.3% ต่อทหาร 100,000 คน เมื่อเทียบกับในปี 2005 ที่ 12.8% และ 10.8% ในปี 2004 ส่วนในปี 2001 นั้นมีอัตราฆ่าตัวตายเพียง 9.8% เท่านั้น สำหรับ อัตราการฆ่าตัวตายของประชากรชาวอเมริกัน เมื่อปรับเข้ากลุ่มอายุ และเพศแล้ว อยู่ที่ 19.5%
“มันเป็นตัวเลขที่สูงที่สุด นับตั้งแต่กองทัพได้ทำการบันทึกเอาไว้” พันเอกโธมัส แลงกีแรนด์กล่าวถึงการฆ่าตัวตายในปี 2007 โดยเสริมว่า แนวโน้มในปี 2008 นี้น่าจะเพิ่มขึ้นต่อไป และนับมาถึงตอนนี้มีทหารที่ฆ่าตัวตาย ซึ่งได้รับการยืนยันแล้ว 38 นาย และอีก 12 ราย ที่พยายามฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ
