เอเจนซี/เอเอฟพี - สมัชชารัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นองค์กรด้านนิติบัญญํติของเนปาลในเวลานี้ ลงมติรับรองการยกเลิกสถาบันกษัตริย์เมื่อคืนวันพุธ (28) ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ส่งผลให้ข้อเรียกร้องหลักของกลุ่มลัทธิเหมาที่ยอมยุติสงครามต่อต้านรัฐบาลและหันมาลงเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยบรรลุผลสำเร็จ ท่ามกลางเสียงระเบิดคัดค้าน 3 ลูก กับเสียงโห่ร้องยินดีทั่วกรุงกาฐมาณฑุ ด้านกษัตริย์คยาเนนทรา มีรายงานว่าทรงเตรียมพระองค์เพื่อย้ายออกจากพระราชวังแล้ว
ในการประชุมเป็นวันแรกของสมัชชารัฐธรรมนูญ สมาชิกสมัชชาลงคะแนนรับรองให้ยกเลิกสถาบันกษัตริย์ด้วยคะแนนท่วมท้นถึง 560 ต่อ 4 เสียง
"วันนี้เป็นวันที่ความใฝ่ฝันของผมได้กลายมาเป็นความจริง ซึ่งก็คงเป็นความใฝ่ฝันเดียวกันกับคนทั้งประเทศ" กิริจา ปราสาท โคอิราลา นายกรัฐมนตรีผู้เฒ่าซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคคองเกรสแห่งเนปาล กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชา
รัฐบาลเนปาลได้แจ้งให้สมเด็จพระราชาธิบดีคยาเนนทรา เสด็จออกจากพระราชวังนารายันฮีติในกรุงกาฐมาณฑุภายใน 2 สัปดาห์ มิฉะนั้นจะถูกขับไล่ออกไป
"พระองค์มีเวลาอีก 15 วัน หลังจากนั้นเราจะปรับปรุงพระราชวังให้เป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์" ราม จันทรา พูเดล รัฐมนตรีกระทรวงสันติภาพและบูรณาการบอก ส่วนพรรคการเมืองต่างๆ รวมทั้งพรรคลัทธิเหมา ระบุว่า จะมีประธานาธิบดีคนใหม่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำประเทศต่อไป
ตลอดทั้งวันพุธ ชาวเนปาลหลายพันคนไปชุมนุมกันตามสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในกรุงกาฐมาณฑุ และบริเวณอาคารที่ประชุมสมัชชา โดยมีตำรวจปราบจลาจลคอยดูแลสถานการณ์ และภายหลังจากที่ทราบผลการลงมติแล้วพวกเขาก็ร้องรำทำเพลงด้วยความดีใจ บางส่วนยังโบกธงสัญลักษณ์ของพรรคการเมืองต่างๆ พร้อมกับโห่ร้องว่า "ยินดีต้อนรับสาธารณรัฐ" ขณะที่รัฐบาลประกาศให้วานนี้และวันนี้เป็นวันหยุดราชการรวม 2 วัน
"ขอเชิญทุกท่านออกมาร่วมฉลองอรุณรุ่งแห่งระบอบสาธารณรัฐอย่างยิ่งใหญ่" แท็กซี่คันหนึ่งติดเครื่องขยายเสียงประกาศเชิญชวน
กลุ่มนิยมลัทธิเหมานับพันคนซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐสภา ได้เดินแถวอยู่ในเมืองหลวงพร้อมกับถือธงรูปค้อนเคียว และยกมือชูกำปั้นขึ้นสู่ฟ้า พลางตะโกนประณามกษัตริย์
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า กลุ่มรานาบีร์ เสนา ซึ่งเป็นกลุ่มทหารนิยมระบอบกษัตริย์ ได้ออกแจกจ่ายใบปลิวเรียกร้องให้เนปาลคงสถาบันกษัตริย์ต่อไป โดยก่อนหน้าการประชุมสมัชชา ก็เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งห่างจากบริเวณทางเข้าอาคารที่ประชุมไปไม่กี่เมตร และเกิดระเบิดอีกลูกหนึ่งที่สวนสาธารณะ
ตอนเช้าวานนี้ (29) ธงของราชวงศ์ชาห์ ได้ถูกนำลงจากเสาธงเหนือพระราชวังนารายันฮีติ โดยเจ้าหน้าที่พระราชวังผู้หนึ่งบอกว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสู่ระบอบสาธารณรัฐ ก็จะชักธงชาติเหนือพระราชวังแทนธงประจำพระราชาธิบดี
สำหรับกษัตริย์คยาเนนทรานั้น คิชอเร ชเรสธา บรรณาธิการของชนะ อาอัสธา หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ภาษาเนปาลทรงอิทธิพลและเลื่องชื่อเรื่องข้อมูลข่าวสารที่แม่นยำและเจาะลึก ได้บอกกับเอเอฟพีว่า "ตามคำบอกเล่าจากแหล่งข่าวของเราหลายราย กษัตริย์กำลังทรงจัดข้าวของส่วนพระองค์เพื่อทรงย้ายออกจากพระราชวังแล้ว"
ชเรสธา บอกว่า แหล่งข่าวของเขาแจ้งว่าพระองค์น่าจะทรงออกจากพระราชวังในวันศุกร์ (30) นี้ โดยอาจจะเสด็จไปประทับที่พระตำหนักนาครชุน ซึ่งอยู่นอกเมืองหลวง และเป็นที่ประทับในเวลาประพาสป่าล่าสัตว์ หรืออาจจะไปประทับที่ตำหนักส่วนพระองค์อีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ภายในกรุงกาฐมาณฑุ
เนปาลที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู ผู้คนเคยเชื่อว่ากษัตริย์เป็นองค์อวตารของพระวิษณุ เทพผู้คุ้มครองโลก ทว่าบารมีของพระราชวงศ์ถูกทำลายลงไปเมื่อปี 2001 หลังเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่อดีตสมเด็จพระราชาธิบดีพิเรนทรากับเชื้อพระวงศ์อีก 8 พระองค์ โดยกล่าวหากันว่าเป็นฝีมือของมกุฎราชกุมารเจ้าชายทิเพนทรา ซึ่งได้ปลิดพระชนม์พระองค์เองหลังจากนั้น
ทั้งนี้ ประชาชนชาวเนปาลจำนวนมากมีความเคลือบแคลงสงสัยว่ากษัตริย์คยาเนนทรา ซึ่งเป็นพระอนุชาของกษัตริย์พิเรนทรา อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุโศกนาฎกรรมในวังหลวงคราวนั้น
ต่อมาภาพลักษณ์ของราชวงศ์ก็ยิ่งตกต่ำลง เมื่อสมเด็จพระราชาธิบดีคยาเนนทราทรงขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วยึดครองอำนาจเบ็ดเสร็จในปี 2005 จนเป็นชนวนให้เกิดการประท้วงต่อต้านระบอบกษัตริย์ในเวลาต่อมา
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ในเนปาล บันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้แถลงแสดงความยินดีต่อการลงมติของสมัชชารัฐธรรมนูญเนปาล โดยบอกว่า ชาวเนปาล "ได้พูดออกมาอย่างชัดเจนว่าต้องการสันติภาพและการเปลี่ยนแปลง"
ขณะที่สหรัฐฯ ซึ่งยังคงถือว่า อดีตกบฏกลุ่มเหมาอิสต์ของเนปาล เป็น องค์การ "ก่อการร้าย" ต่างประเทศนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ทอม เคซีย์ ได้แถลงเรียกร้องให้เนปาล "มีการพัฒนาทางการเมืองไปข้างหน้า"