เอเอฟพี – คอลิน แคมป์เบล รอส เจ้าของโรงเหล้าชาวออสเตรเลีย ได้รับการอภัยโทษจากรัฐบาล หลังจากถูกตัดสินโทษแขวนคอ ในข้อหาฆ่าข่มขืนเด็กนักเรียนหญิงรายหนึ่งไปแล้วเป็นเวลา 86 ปี
รอส อายุ 28 ปี เมื่อเขาถูกพิพากษาลงโทษในรัฐวิกตอเรีย เมื่อปี 1922 สำหรับคดีที่เขาฆ่า อัลมา เทอร์ตชกี ซึ่งทำให้เขาถูกแขวนคอ ทั้งที่คัดค้าน โดยยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง
รัฐบาลได้สั่งอภัยโทษ หลังจากการตรวจสอบอันทันสมัย เผยว่า เส้นผมหลายเส้นที่พบบนที่นอน ในบ้านของรอส ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญนั้น ไม่ใช่ของเด็กหญิงคนดังกล่าว
“นี่เป็นคดีที่น่าเศร้าอย่างยิ่งซึ่งความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมส่งผลให้ชายคนหนึ่งถูกแขวนคอ มันเป็นเรื่องที่แทบจะไม่สามารถเข้าใจได้ การอภัยโทษครั้งนี้เป็นการสำนึกว่า ยังมีความเคลือบแคลงจริงจังเกี่ยวกับการตัดสินโทษข้อหาฆาตกรรมของนายรอส” ร็อบ ฮัลส์ อธิบดีกรมอัยการรัฐวิกตอเรียกล่าว
ทายาทของรอส เผยว่า พวกเขารู้สึกยินดีกับการอภัยโทษในครั้งนี้ ซึ่งมีขึ้นหลังจากการพิจารณา โดยผู้พิพากษาอาวุโสหลายคน ที่พบความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรม
เบตตี้ เอเวอร์เรตต์ กล่าวว่า ครอบครัวของเธอไม่เคยพูดปรึกษากันเกี่ยวกับคดีนี้ และเธอเพิ่งมารับรู้เมื่อเธอได้อ่านบทความทางนิตยสารฉบับหนึ่ง และสังเกตถึงความเหมือนกันระหว่างชายที่ถูกแขวนคอกับพ่อของเธอ
“ฉันมีชีวิตอยู่กับความกลัวนี้ และสงสัยมาตลอดชีวิต ยิ่งมากขึ้นไปอีกเมื่อฉันมีลูก ว่าบางทีฉันอาจมียีนของฆาตกร” เธอกล่าว “แต่เงานั้นได้หายไปแล้ว”
ขณะที่ จอห์น บรัมบี ผู้นำของรัฐวิกตอเรีย เผยว่า การตัดสินโทษของรอสเป็นที่ถกเถียงกันเสมอมา โดยเฉพาะเมื่อเขาปฏิเสธข้อหาฆาตกรรมอย่างมีอารมณ์ รวมไปถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสามารถเปิดเผยคดีความคล้ายกันนี้ได้ด้วย
รอส อายุ 28 ปี เมื่อเขาถูกพิพากษาลงโทษในรัฐวิกตอเรีย เมื่อปี 1922 สำหรับคดีที่เขาฆ่า อัลมา เทอร์ตชกี ซึ่งทำให้เขาถูกแขวนคอ ทั้งที่คัดค้าน โดยยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง
รัฐบาลได้สั่งอภัยโทษ หลังจากการตรวจสอบอันทันสมัย เผยว่า เส้นผมหลายเส้นที่พบบนที่นอน ในบ้านของรอส ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญนั้น ไม่ใช่ของเด็กหญิงคนดังกล่าว
“นี่เป็นคดีที่น่าเศร้าอย่างยิ่งซึ่งความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมส่งผลให้ชายคนหนึ่งถูกแขวนคอ มันเป็นเรื่องที่แทบจะไม่สามารถเข้าใจได้ การอภัยโทษครั้งนี้เป็นการสำนึกว่า ยังมีความเคลือบแคลงจริงจังเกี่ยวกับการตัดสินโทษข้อหาฆาตกรรมของนายรอส” ร็อบ ฮัลส์ อธิบดีกรมอัยการรัฐวิกตอเรียกล่าว
ทายาทของรอส เผยว่า พวกเขารู้สึกยินดีกับการอภัยโทษในครั้งนี้ ซึ่งมีขึ้นหลังจากการพิจารณา โดยผู้พิพากษาอาวุโสหลายคน ที่พบความผิดพลาดในกระบวนการยุติธรรม
เบตตี้ เอเวอร์เรตต์ กล่าวว่า ครอบครัวของเธอไม่เคยพูดปรึกษากันเกี่ยวกับคดีนี้ และเธอเพิ่งมารับรู้เมื่อเธอได้อ่านบทความทางนิตยสารฉบับหนึ่ง และสังเกตถึงความเหมือนกันระหว่างชายที่ถูกแขวนคอกับพ่อของเธอ
“ฉันมีชีวิตอยู่กับความกลัวนี้ และสงสัยมาตลอดชีวิต ยิ่งมากขึ้นไปอีกเมื่อฉันมีลูก ว่าบางทีฉันอาจมียีนของฆาตกร” เธอกล่าว “แต่เงานั้นได้หายไปแล้ว”
ขณะที่ จอห์น บรัมบี ผู้นำของรัฐวิกตอเรีย เผยว่า การตัดสินโทษของรอสเป็นที่ถกเถียงกันเสมอมา โดยเฉพาะเมื่อเขาปฏิเสธข้อหาฆาตกรรมอย่างมีอารมณ์ รวมไปถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสามารถเปิดเผยคดีความคล้ายกันนี้ได้ด้วย