เอเอฟพี – นักกระโดดร่มชาวฝรั่งเศสเลื่อนปฏิบัติการกระโดดร่มครั้งประวัติศาสตร์จากบอลลูนที่ระดับความสูง 40,000 เมตรจากพื้นโลก ก่อนร่อนลงสู่ทุ่งกว้างในเมืองนอร์ธ แบทเทิลฟอร์ด รัฐซัสคัทเชวัน ทางตะวันตกของแคนาดา เนื่องจากลมที่กรรโชกแรง
มิเชล ฟูร์นิเยร์ นักกระโดดร่มชาวฝรั่งเศส วัย 64 ปี ถูกนำตัวขึ้นไปบนบอลลูนเมื่อเช้าวันจันทร์ (26) ขณะที่หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์จากอ็อกซิเจนกระป๋องเพื่อกำจัดไนโตรเจนในเลือดและหลีกเลี่ยงภาวะเส้นเลือดอุดตันโดยก้อนเลือดที่แข็งหรือฟองอากาศจากแรงกดอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามปฏิบัติการร่อนเวหาในครั้งนี้ได้ถูกยกเลิกอย่างกระทันหัน ขณะที่ทีมงานคนหนึ่งของเขา ระบุว่า ฟูร์นิเยร์จะเริ่มปฏิบัติการครั้งใหม่ในวันพรุ่งนี้ (27)
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาของแคนาดา รายงานว่า ช่วงเวลาดังกล่าวมีความเร็วลมอยู่ที่ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ฟูร์นิเยร์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาฝันที่จะสร้างสถิติกระโดดร่มจากระดับความสูงซึ่งสูงกว่าที่เครื่องบินพาณิชย์บินอยู่ถึง 4 เท่า
ระหว่างปฏิบัติการร่อนเวหา ฟูร์นิเยร์จะต้องสวมชุดอวกาศ ซึ่งสามารถทนต่ออุณหภูมิติดลบได้ถึง 100 องศาเซลเซียส และหากปฏิบัติการครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ฟูร์นิเยร์ก็จะกลายเป็นนักกระโดดร่มที่สามารถทำลายสถิติโลกถึง 4 รายการ ทั้งการกระโดดร่มที่เร็วมากสุด การกระโดดร่มที่ใช้เวลามากสุด การกระโดดร่มที่สูงมากสุด และการกระโดดร่มจากบอลลูนในระดับที่สูงมากสุด
นักกระโดดร่มชาวฝรั่งเศสผู้นี้ยังตั้งเป้าว่า สักวันหนึ่งเขาจะเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่คอยช่วยเหลือมนุษย์อวกาศขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ในอวกาศอีกด้วย
ความพยายามในครั้งนี้ของฟูร์นิเยร์มีขึ้นหลังเขาประสบความล้มเหลวในปฏิบัติการร่อนเวหาเมื่อปี 2002 และ 2003 ซึ่งครั้งที่แล้วบอลลูนของเขาถึงกับฉีกขาด และทำให้เขาต้องซื้อบอลลูนใหม่เพื่อปฏิบัติการในครั้งนี้
ก่อนหน้าฟูร์นิเยร์ เมื่อปี 1960 โจเซฟ คิททิงเจอร์ ชาวอเมริกัน ได้ทำการทดลองทางการแพทย์ด้วยการกระโดดร่มลงมาจากความสูง 31,333 เมตร ขณะที่เมื่อปี 1962 อีวาเกนี อองเดรียฟ ชาวรัสเซียได้สร้างสถิติโลกด้วยการร่อนเวหาที่ระดับความสูง 24,483 เมตรจากพื้นโลก