เอเจนซี – สื่อแดนปลาดิบชี้ญี่ปุ่นอาจยุติภารกิจทหารสนับสนุนให้กับกองกำลังที่นำโดยสหรัฐฯ ในอิรัก ในปีหน้า เนื่องจากถูกคัดค้านจากพรรคฝ่ายค้านที่มีอำนาจในรัฐสภา
ญี่ปุ่นมีกำลังทหารอากาศในคูเวต 210 นาย เพื่อที่จะส่งไปยังกรุงแบกแดด และส่วนอื่นของอิรัก โดยในปี 2006 ญี่ปุ่นเคยถอนกำลังทหารบก ที่ส่งไปยังอิรัก เพื่อแสดงท่าทีสนับสนุนสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญของโตเกียว
“เมื่อคิดถึงสถานะของรัฐสภา มันยากที่จะขยายเวลา (กฎหมายพิเศษ ที่ทำให้ญี่ปุ่นสามารถส่งทหารไปยังอิรักได้)” หนังสือพิมพ์อาซาฮีรายงาน โดยอ้าง ทาคุ ยามาซากิ นักการเมืองระดับสูงของพรรคลิเบอรัล เดโมแครติก ปาร์ตี้ หรือแอลพีดี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล
กฎหมายพิเศษดังกล่าวอนุญาตให้ปฏิบัติภารกิจอิรักได้ แม้ว่ารัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นจะกำหนดให้หมดวาระในเดือนกรกฎาคม ปี 2009 ขณะที่ ผู้บริหาร ไม่ระบุชื่อ ของพรรคนิวโคเมโต หุ้นส่วนของพรรคแอลดีพี เผยว่า ถึงเวลาแล้วที่จะพิจารณาการถอนทหาร ตามการรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์โตเกียว
ด้าน พรรคฝ่ายค้านซึ่งมีเสียงข้างมากในวุฒิสภา นับตั้งแต่ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา ถือโอกาสได้เปรียบทางสถานะ ขัดขวางนโยบายของรัฐบาลหลายครั้ง
รัฐสภาซึ่งแบ่งแยกเป็น 2 ฝ่าย ปะทะกันเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ ด้วยประเด็นกิจกรรมทางทหาร เมื่อพรรคฝ่ายรัฐบาลผลักดันให้ผ่านกฎหมายขยายเวลาภารกิจทางน้ำในอัฟกานิสถาน ซึ่งนำโดยกองกำลังสหรัฐฯ โดยผ่านกฎหมายดังกล่าวถึง 2 ครั้งในสภาล่างด้วยคะแนนเสียงข้างมาก 2 ต่อ 3
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้ส่งทหารราบ 600 นายไปยังตอนใต้ของอิรักในปี 2004-2006 เพื่อปฏิบัติภารกิจ ที่ไม่มีการต่อสู้ ซึ่งถูกคัดค้านมากมาย โดยบุคคล ที่มองว่าเป็นการละเมิดข้อจำกัดในรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ในเดือนเมษายน ศาลตัดสินว่า การส่งทหารอากาศของญี่ปุ่นไปอิรักไม่ผิดรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ประธานาธิบดีจุนอิชิโร โคอิซูมิ ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนั้น ก็ตกลงที่จะส่งทหารญี่ปุ่นไปยังอิรัก ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐฯ พบประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช
ยิ่งไปกว่านั้น หนังสือพิมพ์โตเกียวยังชี้ว่า หากบุชพ้นตำแหน่งในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้แล้ว ญี่ปุ่นก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของประเทศด้วย