เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีอับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวีแห่งมาเลเซียปฏิเสธสละเก้าอี้ แม้ว่า ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ผู้ถ่ายโอนอำนาจให้เขา จะประกาศลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อประท้วงการทำหน้าที่ผู้นำของเขา
อับดุลเลาะห์ กล่าวว่า เขารู้สึกตกใจต่อการประกาศลาออกของมหาเธร์ ซึ่งเขาเชื่อว่าอาจทำให้พรรคอ่อนแอลงและเรียกร้องความสงบภายในพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน)
“ผมประหลาดใจต่อการลาออกของเขาและการที่ไม่ปรารถนาอยู่ในพรรคอัมโนอีกต่อไป” นายกรัฐมนตรีบอกกับผู้สื่อข่าว หลังจากทั้งคู่อาฆาตกันมานานหลายปี “ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะก้าวออกจากพรรค”
นายกรัฐมนตรีรายนี้ บอกต่อว่า การตัดสินใจของมหาเธร์อาจสร้างความอ่อนแอให้กับพรรค แต่เขาไม่คาดหมายว่าจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายใดลาออกจากพรรคอีก
“ผมคิดว่าบางทีบางคนอาจลาออกตามเขาไป แต่คำถามคือคุณใส่ใจต่อพรรคอัมโนหรือไม่” เขากล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เขาจะลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งครั้งหายนะในวันที่ 8 มีนาคมหรือไม่ เขาตอบว่า “ทำไมต้องออกล่ะ ผมมีงานหลายอย่างต้องทำ”
“สิ่งสำคัญคือพรรคอัมโนต้องอยู่ในความสงบและเข้าใจว่าสมาชิกของพรรคมีความจงรักภักดีต่อพรรค เข้มแข็ง และยังคงสู้กับปัญหาได้”
ก่อนหน้านี้ ในเช้าวันเดียวกัน อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัดของมาเลเซีย แจ้งการลาออกจากพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) ระหว่างปราศรัยในอะลอร์ สตาร์ เมืองหลวงของรัฐเคดาห์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา
มหาเธร์ลาออกจากพรรคอัมโนในการประท้วงต่อกรณีที่เปาะเลาะห์ยังคงทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้นำทั้งนายกรัฐมนตรีและประธานพรรคอัมโน มอคซานี มหาเธร์ ลูกชายของ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด บอกกับเอเอฟพีโดยอ้างถึงชื่อเล่นของนายอับดุลเลาะห์
มหาเธร์ปกครองมาเลเซียและมีอำนาจในพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) หรือพรรคร่วมรัฐบาลมากว่า 22 ปี จนกระทั่งเมื่อปี 2003 เขาได้ถ่ายโอนอำนาจให้กับอับดุลเลาะห์ ผู้สืบทอดที่เขาเลือกเองกับมือ
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานนี้ มหาเธร์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของอับดุลเลาะห์อย่างรุนแรง และนับตั้งแต่หายนะจากผลการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมีนาคม ซึ่งพรรคอัมโนมีผลงานแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ มหาเธร์ดำเนินการเรียกร้องให้อับดุลเลาะห์ลาออกจากตำแหน่ง
เว็บไซต์ข่าวมาเลเซียกินีอ้างคำกล่าวของมหาเธร์ เรียกร้องให้รัฐมนตรีของพรรคอัมโนทุกคนและแกนนำพรรคลาออกเช่นเดียวกับเขา และเงื่อนไขเดียวที่จะกลับมา คือ อับดุลเลาะห์ ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น